กัมพูชา พลิกลิ้น! รับปาก ทรัมป์ หยุดยิง ขนอาวุธหนักยิงปืนใหญ่ ใส่ ปราสาทตาเมือน-ช่องอานม้าแถมยิงจรวด BM21 ตกในพื้นที่พลเรือนของไทย ชาวบ้านวิ่งหนีตายจ้าละหวั่น  ด้าน ศบ.ทก. ประณาม กัมพูชาไร้มนุษยธรรม โจมตี "พลเรือน" เสริมกำลัง-อาวุธหนัก พร้อมใช้โล่มนุษย์ ป้องกันตัว ด้าน สมช. เตือน! ห้ามเปิดโลเคชั่น ศูนย์พักพิง-จุดล่อแหลม หวั่น "เขมร" ล็อกเป้าโจมตี ตร. จับ สายลับกัมพูชา ได้เพิ่มอีก 1 ตระเวนถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ส่ง"กัมพูชา
       
         เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2568 ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์เรือนชายแดนไทย -กัมพูชา หรือศบ.ทก.โดยพล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง พร้อมด้วย นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสรุปสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา

         โดย พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในประเด็นด้านความมั่นคง จากประเด็นการเรียกร้องของหลายประเทศให้ไทย-กัมพูชาหยุดยิง ซึ่งไทยเห็นด้วยในหลักการ แต่กัมพูชาจะต้องมีความจริงใจและเข้าร่วมในขั้นตอนและรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งหยุดยิงเป็นที่ประจักษ์ แต่กัมพูชา ยังส่งกำลังปะทะในพื้นที่บริเวณชายแดน เขาพระวิหาร โดยล่าสุดเมื่อเวลา 02.10 น. และยิงจรวด BM-21 ในช่วงเวลา 06.10 น.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านตาโสร์ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 15.30 น. กัมพูชา ได้ยิงกระสุนปืนใหญ่พุ่งเป้าใส่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จ.ศรีสะเกษ และโรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และยังใช้ประชาชนกัมพูชา เป็นโล่กำบังตั้งอาวุธยิง ซึ่งถือเป็นการใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างไร้มนุษยธรรม ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน

         ขอประณามเรื่องของความไม่จริงใจในการพูดคุยจากฝ่ายกัมพูชา ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธและเลื่อนการพูดคุยในเวทีทวิภาคีหลายครั้ง ทั้งเวที JBC GBC หรือ RBC ซึ่งใครมองว่าการประชุมต่างๆ สามารถนำประเด็นที่เป็นปัญ หาข้อขัดแย้งสามารถพูดคุยได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ และสังเกตได้ว่าที่ผ่านมากัมพูชามีการเสริมกำลังทางทหาร มีการเตรียมที่มั่นดัดแปลงในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง มีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และการแสดงท่าทียั่วยุส่งเสริมการปลุกระดมมวลชนชาวกัมพูชา ทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าสู่ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน โดยใช้กระแสชาตินิยมปลุกปั่น หวังยกระดับให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ตลอดจนการแสดงออกท่าทีความพร้อมในการใช้กำลังทหาร ผ่านช่องทางสื่อสารสังคมออนไลน์ ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหาประเทศไทยอย่างไร้หลักฐานที่เป็นชนวนของความไม่พอใจและนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในเวลาต่อมา"
       
  พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ขอสรุปสถานการณ์ที่ผ่านมา ตามที่ผู้แทนเหล่าทัพในพื้นที่รายงานมา คือฝ่ายกัมพูชายังคงดำเนินการใช้อาวุธหนัก ทั้งปืนใหญ่ , ปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้ง , จรวดหลายลำกล้อง , MB-21 นอกจากนี้ได้รับรายงานว่าทางกัมพูชามีความเคลื่อนไหว อาจมีการใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพ เช่น PHL-03 RM-70 และ BM-21 จรวดหลายลำกล้อง

         พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ส่วนยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในวันนี้นับตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นมา เสียชีวิตทั้งหมด 13 คนยังคงเดิม บาดเจ็บสาหัสเพิ่ม 1 คน เป็นจำนวน 11 คน บาดเจ็บปานกลาง 12 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมยอดทั้งหมด 49 คน พร้อมกันนี้ได้กล่าวชื่นชมหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขในการช่วยเหลือประชาชนในการอพยพจากพื้นที่โดยเร่งด่วน ให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย

         ปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบัน ชี้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบายของรัฐบาลกัมพูชา ไม่ใช่เกิดจากปัญหาโดยประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จึงขอวอนให้ประชาชนชาวไทยหยุดแสดงความรุนแรงด้วยการใช้ถ้อยคำหรือใช้กำลัง หรือการดูหมิ่นเหยียดหยาม ชาวกัมพูชาที่อยู่ในไทยอย่างสุจริต เช่นผู้ใช้แรงงาน นักเรียน นักศึกษาชาวกัมพูชา หรือผู้ประกอบการในทุกสาขาวิชาชีพ เว้นกรณีที่ชาวกัมพูชาแสดงกิริยาก้าวร้าวขอให้ใช้สติและเหตุผล พูดจาตักเตือนโดยหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงหากเหตุสุดวิสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการดำเนินการทางกฎหมาย

         ส่วน นางมาระตี กล่าวถึงความคืบหน้าในมิติงานด้านต่างประเทศ ทั้งมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ที่จัดประชุมแบบปิดหารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มีสมาชิก 15 ประเทศและคู่กรณีคือไทยและกัมพูชาเข้าร่วม ซึ่งเป็นโอกาสให้ไทยได้ย้ำจุดยืนต่อประชาคมโลก ด้วยหลักฐานที่หนักแน่นและข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดฉากยิ่งก่อนโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทย มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก อีกทั้งมีการอพยพประชาชนหลักแสนคน และยังเป็นการละเมิดกฎหมายรองประเทศและหลักการมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
         
การหารือเป็นหลักการกว้างในทิศทางเดียวกัน 1.เรียกร้องให้สองฝ่ายลดความตึงเครียดและแก้ไขโดยสันติวิธี เช่นการใช้วิธีทางการทูตหรือการเจรจาทวิภาคี 2.หลายประเทศสมาชิกสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามกฎบัตรอาเซียน 3.ย้ำว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ที่ประชุม UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารผลลัพธ์ใด ถือเป็นสิ่งที่ดีแสดงว่ารัฐสมาชิกต่างๆ มีความเข้าใจในจุดยืนและการดำเนินการของฝ่ายไทย

         นางมาระตี กล่าวต่อว่า ส่วนการประณามการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ซึ่งเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงการโจมตีพลเรือนโดยฝ่ายกัมพูชา เป็นการกระทำไร้มนุษยธรรมและขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ คืออนุสัญญาเจนีวา 1949 ข้อ 19 ฉบับที่หนึ่งที่เกี่ยวกับการคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาล และข้อ 18 ฉบับที่สี่เกี่ยวกับภารกิจเรื่องการคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน
      
   กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเพื่อแสดงการประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และจะพบกับสำนักงาน ICRC ในวันอังคารที่ 29 ก.ค.นี้ เพื่อหารือและชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งไทยต้องการสื่อสารไปยังประชาคมโลกว่าการกระทำไร้มนุษยธรรมอันต่อเนื่องของกัมพูชา เป็นสิ่งที่ประชาคมระหว่างประเทศต้องร่วมกันประณาม เมื่อเช้านี้กัมพูชาโจมตีสถานที่ต่างๆ ของพลเรือนในไทย
        
 นางมาระตี กล่าวว่า ข้อเสนอในการหยุดยิงและบทบาทการต่างประเทศ เรื่องการเรียกร้องให้สองฝ่ายหยุดยิง ย้ำว่ากัมพูชาจะต้องแสดงถึงความจริงใจในการหยุดยิงก่อน โดยเฉพาะการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย และกระทรวงการต่างประเทศต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศ และกรณีที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงโจมตีบ้านเรือนประชาชนในจังหวัดสุรินทร์เมื่อช่วงเช้า 27 ก.ค. ที่ผ่านมา และเพื่อตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาที่กล่าวหาฝ่ายไทยว่าไทยเป็นผู้ริเริ่ม ส่วนสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่ลงพื้นที่ไปติดตามทำข่าวรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดน ทางกรมประชาสัมพันธ์จะเป็นผู้ประสานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานงานและให้ข้อมูล
        
 ส่วน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้แสดงความกังวลและข้อห่วงใย ในกรณีที่มีอาสาสมัครและภาคเอกชน รวมทั้งพรรคการเมืองได้จัดทำแอปพลิเคชันพิเศษ หรือการสร้างแฟนเพจ Facebook ขึ้นมา โดยระบุถึงพิกัดโรงพยาบาล สถานที่หลบภัย และแหล่งชุมชนต่าง ๆ ในขณะนี้ ซึ่งปัจจุบัน สถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดน กองทัพกัมพูชายังไม่ลดละในการก่ออาชญากรรมสงคราม ด้วยการเล็งเป้าหมายทางพลเรือนอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือในช่วงเวลาล่อแหลมเช่นนี้ งดการสร้างในการเปิดเว็บไซต์รายงานสถานการณ์ที่กำหนดจุดโลเคชั่น โดยใช้ Google Maps และแอปพลิเคชันบอกแผนที่ต่าง ๆ ซึ่งในทางปฏิบัติ ทั้งกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการอื่น ๆ ได้ดำเนินการผ่านจังหวัด อำเภอ และตำบลแล้ว โดยเป็นการดำเนินการในลักษณะ ว.5 หรือความลับ โดยให้ฝ่ายปกครอง องค์การปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประสานตรงกับผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้ข่าวรั่วไปยังฝ่ายตรงข้ามได้
       
"ในส่วนของพรรคการเมือง รบกวนพรรคประชาชน ปิดเว็บนี้ก่อน วันนี้เข้าใจว่ามีความกังวลและเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้ประสานงานในเชิงรับ และดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วันที่มีการประทะกันตามแนวชายแดนอยู่แล้ว โดยฝ่ายความมั่นคง จะไม่รายงานจุดที่ตั้งของศูนย์อพยพ หรือจุดอื่น ๆ ที่มีความล่อแหลม จึงขอความร่วมมือในช่วงที่ยังมีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ปิดหรือยกเลิกเว็บไซต์ หรือแฟนเพจ หรือช่องทางต่าง ๆ ที่จะทำให้กองทัพกัมพูชาสามารถใช้ในการโจมตีพลเรือนของเราได้" โฆษกรัฐบาล ระบุ
        
 ขณะที่ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการเจรจา ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายกฯกัมพูชา และ นายภูมิธรรมเวชยชัย  รักษาการนายกฯ เมื่อคืน ให้หยุดยิงทันที ว่า  เป็นคนละส่วนกัน  การเจรจาเป็นระดับรัฐบาล  ส่วนทหารในสมรภูมิ ยังต้องทำตามยุทธวิธีต่อไป ตราบใด ที่การหยุดยิงยังไม่ชัดเจน จะมีการหยุดยิง ก็ต่อเมื่อ เขมรจะต้องเป็นฝ่ายมา ขอเจรจาเองเท่านั้น ที่สำคัญตั้งแต่ เมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา  ทหารกัมพูชา ก็ยัง ไม่หยุดยิง โดยล่าสุด ทหารกัมพูชาได้ยิงปืนใหญ่เข้ามาในพื้นที่ ปราสาทตาเมือน  อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และ ยังยิงเข้ามาในเขต ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อพยายามจะ ยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์คืน หลังจากที่ทหารไทยเข้ายึดได้ โดย ทหารไทย ต้องใช้ปืนใหญ่พิสัยไกล ยิงตอบโต้ ไปที่เป้าหมาย ปืนใหญ่และเครื่องยิงจรวด ของกัมพูชา
      
   ส่วน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวยืนยันว่า ทหารกัมพูชา ยังไม่หยุดยิงและยังยิงตอบโต้กันตั้งแต่เช้า โดยทหารกัมพูชา ได้ยิงจรวด BM21 เข้ามาตกนอกเขตปฏิบัติการทางทหาร เข้าพื้นที่พลเรือน ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
       
  ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสุรินทร์ว่า ตั้งแต่เช้ามืดสถานการณ์อยู่ในความตึงเครียด ตั้งแต่เวลาประมาณ 04.30-04.40 น. โดยมีเสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งกัมพูชา ยิงเข้ามายังพื้นที่ปราสาทตาควาย ของประเทศไทย หลังจากนั้นเสียงการปะทะก็ดังขึ้นเป็นระยะ จากทั้งสองฝ่าย และขยายพื้นที่ความรุนแรงไปยังบริเวณช่องจอม
       
  ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ทหารกัมพูชาได้ยิงจรวด ชนิด BM-21 แบบติดลำกล้องเข้าใส่ฝั่งไทย ทำให้กองทัพไทยต้องตอบโต้ด้วยอาวุธหนักเช่นกัน
       
  จนถึงขณะนี้ เวลา 07.00 น. เสียงอาวุธหนักยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ
        
 ล่าสุด กองทัพอากาศ ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่ 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจ ยุทธบริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วง พร้อมกับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบกปกป้องอธิปไตยของไทย
       
  นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพ.อ.ริชฌา เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 เตือนระวัง เขมร สั่งถอนกำลัง คาดว่าจะยิงขีปนาวุธ PHL-03 ยิงหลายลูกพร้อมกันในระยะทางไกลถึง 130 กิโลเมตร
       
  ล่าสุดเพจ Thai Navy warships เรือรบราชนาวีไทย โพสต์ว่า เป็นที่ยืนยันแล้วว่า จรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ตัวเด็ดของกัมพูชา ถูกทำลายแล้ว 1 ระบบ เหลืออีก 5 ระบบ รอการถูกทำลาย #ไปกันต่อ