นครพนม เฝ้าระวัง น้ำโขงสูงเกิน 10 เมตร จ่อจุดวิกฤติล้นตลิ่ง แค่ 2 เมตร คือ ที่ 13 เมตร เทศบาลเมืองนครพนม เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ รับมือน้ำโขงทะลักเข้าตัวเมือง ระบายน้ำลงสู่น้ำโขง เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง ลำน้ำสาขาสายหลักเริ่มเอ่อล้นพื้นที่การเกษตร พท. ย้ำ รัฐบาล ไม่ละเลยปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือ สั่ง สส.ระดมกำลังลงพื้นที่ช่วยประชาชนเต็มที่
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขง ยังเพิ่มระดับต่อเนื่องวันละ 20-20 เซนติเมตร ล่าสุดอยู่ที่ระดับ ประมาณ 10.70 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติล้นตลิ่งที่ประมาณ 2 เมตร คือ ที่ 12 เมตร หากระดับน้ำโขงถึงจุดวิกฤติล้นตลิ่ง จะส่งผลให้น้ำโขงทะลักเข้าเมืองตามจุดระบายน้ำ ต้องมีการปิดทางระบายน้ำทุกจุด นอกจากนี้ทางเทศบาลเมืองนครพนม ได้ระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เตรียมพร้อมรับมือหากน้ำโขงถึงจุดล้นตลิ่ง เพื่อสูบมวลน้ำจากตัวเมือง ระบายลงน้ำโขง หากมีฝนตกต่อเนื่อง รวมถึงหากมีน้ำโขงไหลทะลักย้อนเข้าพื้นที่ตัวเมือง ป้องกันน้ำท่วมชุมชน พื้นที่เศรษฐกิจ
นอกจากนี้ หลังน้ำโขงสูงเกิน 10 เมตร ส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลัก ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม รวมถึงลำน้ำสาขา บางสาย มีปริมาณสูงเกินความจุ เกิดปัญหาเอ่อท่วมพื้นที่ลุ่ม พื้นที่การเกษตร จากการสำรวจภาพรวมผลกระทบ มีพื้นที่นาข้าวในพื้นที่ ลุ่มน้ำอูน ลุ่มน้ำสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ถูกน้ำท่วมขังแล้วมากกว่า 20,000 ไร่ ด้านชลประทานนครพนม ได้เร่งระบายน้ำ ในจุดประตูระบายน้ำ ทุกจุดลงสู่น้ำโขง ให้เร็วที่สุด เตรียมพร้อมรับมวลน้ำหากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง
ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือที่เกิดขึ้นว่า เกิดจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน วิภา ทำให้หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับฝนตกหนักทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นสูง และน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในเขตเศรษฐกิจ ถนนถูกตัดขาด บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก พรรคเพื่อไทยขอแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล และ สส.พรรคเพื่อไทย ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดย สส.ของพรรคในแต่ละพื้นที่ได้เข้าไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน พร้อมประสานหน่วยงานต่างๆ ในการเร่งแก้ไขปัญหา แม้ว่าในอีกด้านหนึ่งเรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชา แต่ปัญหาภัยธรรมชาติ และความเดือดร้อนของพี่น้องภาคเหนือก็ไม่ได้ถูกละเลย
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในส่วนของการแจ้งเตือนภัยให้กับพี่น้องประชาชน ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการส่งข้อความเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทันทีเมื่อมีข้อมูลพื้นที่เสี่ยง มีการจัดตั้ง War room ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และน่าน ซึ่งเกิดภัยพิบัติมาก่อนหน้านี้ รวมทั้งได้มีการเตรียมการตรวจสอบซ่อมแซมแนวคันกั้นน้ำ พร้อมจัดเตรียมกำลังพลเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์เฉพาะหน้า จัดชุดปฏิบัติการเร่งคลี่คลายสถานการณ์ และขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ทางรัฐบาลเองก็ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบความเสียหาย พร้อมเร่งฟื้นฟูสถานที่ซึ่งได้รับความเสียไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือนประชาชน รวมทั้งสถานที่ราชการ