ปภ. ติดตามสถานการณ์อุทกภัย - ดินถล่ม และผลกระทบจากพายุ “วิภา”อย่างใกล้ชิด กระจายเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่ พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ

วันนี้ (25 ก.ค. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ ติดตามสถานการณ์พายุโซนร้อน “วิภา” ที่ส่งผลทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ กำชับให้ทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดย กรม ปภ. ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 รวมถึงบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ 

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ซึ่งขณะนี้ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ส่งผลทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ และจังหวัดเลย ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีความห่วงใยถึงผลกระทบของประชาชน ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ทั้งการดูแลด้านการดำรงชีพเบื้องต้น การดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสื่อสาร และการคมนาคมเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย พร้อมทั้งสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงไปยังพื้นที่เสี่ยง รวมถึงบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง


 
“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กรม ปภ. ได้ระดมกำลังและส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยกว่า 30 รายการ ประกอบด้วย รถบรรทุกติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฎิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ เข้าช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และเมื่อวานนี้ (24 ก.ค. 68) ปภ. ได้ร่วมกับ ทบ. ใช้เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก โดยทำการส่งเสบียงอาหารทางอากาศให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.น่าน จำนวนกว่า 400 ชุด นอกจากนี้ได้สั่งการให้ศูนย์ ปภ. เขต ในพื้นที่ที่ไม่มีสถานการณ์ เตรียมสรรพกำลังและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเข้าไปสนับสนุนทันทีหากมีพื้นที่ใดร้องขอความช่วยเหลือ” นายภาสกร อธิบดี ปภ. กล่าว

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรม ปภ. ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามข้อสั่งการของ มท.1 และ มท.2 อย่างเคร่งครัด โดยเน้นการให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยในวันนี้ (25 ก.ค. 68) ปภ. ได้ประกาศแจ้งเตือน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายน้ำ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ท้ายน้ำขอให้เตรียมความพร้อมรับมวลน้ำเหนือ โดยให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมอพยพสิ่งของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและนอกแนวคันกั้นน้ำ และขอให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงเน้นย้ำประชาชนให้ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมป้องกันตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตชุมชนโรงพยาบาล และพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการดูแลป้องกันระบบไฟฟ้า ระบบประปา เพื่อป้องกันและลดผลกระทบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น”


ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป