วันที่ 25 ก.ค.68 ที่ บก.สอท.2 (เมืองทองธานี)  พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.,พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 แถลงข่าว ขยายผลแจ้งเพิ่มข้อหาหนัก 9 สแกมเมอร์เวียดนาม ตั้งฐานในหนองคายเปิดเพจหลอกขายตั๋วเครื่องบิน พร้อมประสานตำรวจเวียดนามร่วมเช็กบิล

สืบเนื่องจาก มีประชาชนแจ้งเบาะแสว่า พบเห็นกลุ่มคนต่างด้าวคาดว่าเป็นชาวเวียดนาม นับ 10 คน ได้เช่าบ้านอยู่ในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าอาจลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ต่อมา พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 ได้นำกรณีดังกล่าวเรียน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ทราบ กระทั่งวันที่ 22 ก.ค.68 พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือพิเศษ สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.หนองคาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ตำรวจตระเวนชายแดนกก.สส.ภ.จวหนองคาย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันเข้าตรวจค้นบ้านพักจำนวน 2 หลัง ในโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.6 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 

จากการเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 2 ราย เป็นชาวเวียดนามทั้งหมด โดยพบว่าเดินทางเข้าประเทศถูกต้องตามกฎหมายในประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว แต่มีพฤติการณ์ร่วมอาศัยและใช้บ้านหรูดังกล่าวดัดแปลงเป็นห้องทำงาน ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวนมาก มีลักษณะการทำงานที่เหมือนกับมีพนักงานโต้ตอบกับลูกค้าออนไลน์ โดยเบื้องต้นพบข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับเว็บไซต์จองห้องพัก สายการบิน ทัวร์ และเว็บขายหวยเวียดนาม เจ้าหน้าที่ สตม. จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ไปเบื้องต้น

ต่อมา ตำรวจไซเบอร์พบหลักฐานเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวทำงานลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเปิดเพจในรูปแบบ Meta Business เพื่อโฆษณาขายตั๋วเครื่องบินราคาถูกให้คนในประเทศเวียดนาม โดยมีการสนทนาผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ตามสคริปต์ที่เตรียมไว้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเวียดนาม จากนั้นจะไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้อีก โดยจากการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตรวจยึดไว้หลายเครื่อง พบข้อมูลการสนทนาในแอปพลิเคชัน Telegram โดยมีห้องสนทนาหลายห้อง ที่มีข้อมูลสอดคล้องกับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐของเวียดนามที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย

ผลการตรวจสอบมือถือหลายเครื่อง พบคลังภาพที่มีภาพเอกสารรับรองการจองตั๋วเครื่องบิน, หนังสือประกันการเดินทาง, สลิปการโอนเงินจากธนาคารของเวียดนาม รวมทั้งนามบัตรของบริษัทที่อ้างว่าให้บริการขายตั๋วเครื่องบินราคาถูก เช่น VLINES AIRCRAFT COMPANY LIMITED และเว็บไซต์ AIRDULICH.COM อีกทั้ง ยังพบการเข้าใช้งาน Facebook Fanpage และ Business Suite ซึ่งเชื่อว่าเป็นช่องทางในการลงโฆษณาเพื่อหลอกลวงเหยื่ออนอกจากนี้ จากข้อมูลในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ตรวจยึดได้ ยังพบไฟล์ Word เอกสารประกันการเดินทางที่สามารถแก้ไขได้และสคริปต์บทพูดภาษาเวียดนามเพื่อใช้หลอกลวงเหยื่อ

จากการประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามเพื่อพิสูจน์การกระทำผิดของกลุ่มผู้กระทำความผิดในเบื้องต้น ยังพบอีกว่า คนร้ายกลุ่มนี้เได้จัดทำเว็บไซต์ปลอม และเปิดบริษัทในเวียดนามเพื่อบังหน้า โดยจากพยานหลักฐานทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่เป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ เช่น ผู้โพสต์ข้อความโฆษณา ผู้จัดทำเอกสารปลอม และผู้จัดส่งเอกสารไปยังเหยื่อ โดยรับโอนเงินแต่ไม่มีหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินจริงแต่อย่างใดจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย แจ้งข้อหาแก่ชาวเวียดนามเพิ่มเติมในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด (ฉ้อโกง) , อั้งยี่ และซ่องโจร”

ทั้งนี้ หากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตำรวจไซเบอร์จะประมวลเรื่องเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาโอนคดีมาให้ สอท. รับผิดชอบการสืบสวนสอบสวนในรูปแบบคณะทำงานในคดีความผิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติต่อไป