ชายแดนไทยร้อนระอุ “เขมร” เปิดฉากใช้อาวุธปืน BM 21 -ปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร กระหน่ำยิง 4จังหวัด 7 จุดพื้นที่ฝั่งไทย “ชาวบ้าน-เด็ก” เสียชีวิต บาดเจ็บหลายราย ก่อน “กองทัพอากาศ” ส่ง เอฟ16 ยิงถล่มฐานเขมรพังพินาศ ด้าน “อิ๊งค์” น้ำตาคลอเบ้า! ประณามเขมรยิงคนไทย ย้ำหมดเวลาเจรจา พร้อมส่งกำลังใจ “ทหาร-ปชช.” ในพื้นที่ ส่วน“กองทัพบก” จวกเป็นการกระทำที่รุนแรง-ไร้มนุษยธรรม “ศบ.ทก.” แถลงเหตุ ปะทะ สั่งปิดทุกด่าน พร้อมตั้งศูนย์บัญชาการทางทหาร มอบให้ “ผบ.ทสส.” ใช้กำลังทางทหารได้
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "กองทัพบก Royal Thai Army" โพสต์ข้อความระบุว่า กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ล่าสุดพบประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสีย ชีวิตจากการกระทำดังกล่าวแล้ว ย้ำฝ่ายไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดัง กล่าว
จากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค.68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้น จากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ 1. พื้นที่บริเวณปั๊ม ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 10 ราย 2. พื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย (1 รายเป็นเด็กชายอายุ 8 ปี) และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ส่งต่อ รพ.กาบเชิง 3. พื้นที่บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา, บ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย4. พื้นที่บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงทางการเกษตรได้รับความเสียหาย 5. พื้นที่หมู่ 16 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย 6. พื้นที่บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 7. พื้นที่บ้านนายบุญล่วม ทองวิเศษ หมู่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด
ส่วน เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาค 2 โพสต์ระบุว่า เมื่อเวลา 10.58 น. F-16 ยิงแล้ว บก.พลน้อย.สสน.8บก.พล.สสน.9 ของกัมพูชาถูกทำลาย
ต่อมา เมื่อเวลา 12.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า ในการประชุม มีการพูดคุยอัพเดทสถานการณ์ โดยเหตุการณ์แรกคือ การลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้กำลังพลกองทัพบกได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย โดยหนึ่งในจำนวนนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสข้อเท้าขวาขาด
“วันเดียวกันนี้หลายท่านคงทราบว่า ตั้งแต่เช้ามีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 07.35 น. เราได้ทราบข่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) บินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม เพื่อตรวจการณ์การวางกำลังของฝ่ายไทย จากนั้นมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายกำลังกัมพูชา โดยการนำอาวุธเข้าประจำการที่บริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม พร้อมกำลังพล 6 นาย อาวุธครบมือ โดยมีอาร์พีจีอยู่ในมือ และเคลื่อนมาอยู่บริเวณแนวหน้า ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่าสถานการณ์ดูแล้วไม่น่าปลอดภัยและได้ใช้ความพยายามในการตะโกนเจรจา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ”
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า จากนั้นเวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิง บริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเหมือนธม ห่างจากประสาทตาเมืองธม 200 เมตร ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ จากนั้นการขยายพื้นที่ตามแนวชายแดนต่างๆและเกิดพื้นที่ปะทะอีกหกพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ปราสาทตาเมืองธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร (บริเวณห้วยตามาเรีย-ภูมะเขือ) ช่องอานม้าและช่องจอม
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธหนัก เช่น BM 21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนฝ่ายไทย รวมทั้งการสูญเสียชีวิตของประชาชนฝ่ายไทย นอกจากบ้านเรือนประชาชน กัมพูชามีการโจมตีไปในพื้นที่สาธารณะคือ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ. กาบเชิง จ. สุรินทร์ และล่าสุดทราบมาว่าได้มีการโจมตีไปยังโรงพยาบาลของไทย ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ และมีผู้เสียชีวิต1 คน ในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดนพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทั้งนี้จากสถานการณ์ในห้วงเวลาที่เกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ต้องขอความกรุณาประชาชนสื่อมวลชน ได้ติดตามข่าวสารช่องทางทางการของเราอย่างต่อเนื่อง
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องที่ 2 สืบเนื่องเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทยได้มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มาตรา 39 โดยให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารระดับในแต่ละระดับชั้นขึ้นมาตั้งแต่ยามปกติ เพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมอำนวยการ และสั่งการในการปฎิบัติ โดยศูนย์บัญชาการทางทหาร มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา สามารถดำเนินการใช้กำลังทางทหารปฏิบัติการทางทหารได้
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องที่ 3 การดำเนินการในส่วนของ ศบ.ทก. เดิมทีเรามีมาตรการ เรื่องการเปิด-ปิดด่านที่เราได้เน้นย้ำมาเสมอว่า เราไม่เคยปิด เราใช้มาตรการในระดับที่ 2 คือการจำกัดคนเข้าออกและจำกัดเวลา ปัจจุบันเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมชายแดน จุดผ่านแดนต่างๆไปถึงระดับที่ 4 คือการปิดด่านการเข้า- ออกทุกด่านตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องที่ 4 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานว่า ได้จับตาการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางโดยเครื่องบินไปเล่นการพนันบริเวณชายแดน และเดินทางกลับเข้าประเทศโดยทางบก ตามแนวชายแดนต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ เราไม่สนับสนุน และทางการได้มีการรวบรวมติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเข้มงวดกับคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วาระพิเศษ เพื่อประเมินสถานการณ์ และกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
“ตอนนี้สถานการณ์เริ่มมีการปะทะ ฉะนั้นจำเป็นต้องมีความเร่งด่วน เราไม่ต้องการมีสายการบังคับบัญชาที่ยาวจึงมอบหน้าที่ให้กับผบ.ทสส. ในฐานะผอ.ศบ.ทก. เป็นคนกำกับดูแลทางการทหาร มีอำนาจในการสั่งการไปยังกองทัพและทหารในพื้นที่”
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะโฆษกทบ.ทก.ด้านต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศบ.ทก.ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ปิดด่าน เพียงแต่เพิ่มความเข้มงวด ซึ่งเป็นไปตามที่หารือในที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่บัดนี้ตามที่โฆษกศบ.ทก.ฝ่ายความมั่นคงได้ชี้แจง จากสถานการณ์ปัจจุบันทางการไทยจึงมีความจำเป็นต้องปิดด่านในจุดต่างๆเพื่อปกป้องอธิปไตย และเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จากการควบคุมขั้น 1 ขั้น 2 ที่ผ่านมา จนบัดนี้ขั้นที่ 4
“กระทรวงการต่างประเทศขอประณามอย่างที่สุดในการละเมิดอธิปไตย การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เช่นเดียวกันและขอแสดงความเสียใจและหวังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไปเช่นกัน”
ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก. กล่าวว่า ถ้าถึงขั้นนี้ก็คงไม่คุยกันแล้ว ที่ผ่านมาจากประสบการณ์ตน ทหารกัมพูชาค่อนข้างไม่มีวินัยและยั่วยุ แต่ทางฝ่ายผู้บังคับบัญชาของเขาบอกว่า ยึดแนวทางสันติ ฉะนั้น ตนมองสองอย่าง ผู้บังคับบัญชาไม่จริงใจ ไม่ดำเนินการสอบสวนความเป็นจริง หรืออีกอย่างคือ รัฐบาลไม่จริงใจ
เมื่อถามว่า ไทยจะต้องใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยัง แผนจักรพงษ์ภูวนาถคือ สิ่งที่กองทัพบกแจ้งไปเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ถ้าลองดูในคำสั่งดีๆ แผนจะใช้เมื่อสั่ง และแผนนี้ต้องมาพูดคุยกันก่อนด้วย แต่วันนี้ ผบ.ทสส.จะเชิญเหล่าทัพมาหารือกัน
“ต่อไปเราจะไม่อดทนแล้ว เนื่องจากเป็นการปฏิบัติของทหารกัมพูชาที่เรารับไม่ได้ ฝากพี่น้องประชาชนทุกคนให้กำลังใจกำลังพลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนด้วย โดยเฉพาะพื้นที่กองทัพภาคที่ 2”
เมื่อถามถึงการสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ รมช.กลาโหม กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว ฉะนั้น ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ จากการไปสัมภาษณ์พี่น้องตามแนวชายแดน ตนดีใจว่าในยามที่สถานการณ์เป็นอย่างนี้ พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนเข้าใจสถานการณ์และยินดีให้ความร่วมมือ สำหรับบทบาทของ ศบ.ทก.หลังจากนี้คือ ให้การสนับสนุนกับกองทัพไทยในการจัดการ ตนเองก็คงให้ความสำคัญกับไปทางกองทัพมากกว่า การประชุมจะมอบให้เลขาธิการ สมช.ดูต่อไป
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกัมพูชาไม่ยอมรับผิดเลย ไทยจะมีสิทธิไปยื่นสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หรือประเทศอื่นๆ ให้รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ รมช.กลาโหม กล่าวว่า “แล้วท่านคิดว่าที่ผ่านมาเขายอมรับผิดเรื่องไหนบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผมได้เห็นถึงความไม่จริงใจ แต่ขณะเดียวกัน เราจะไปทำแบบนั้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นศีลเสมอกัน แล้วเวลามีปัญหาจะต้องมาพิจารณา สอบสวน ตรวจสอบ ไต่สวนกัน กลายเป็นว่าเราเป็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราต้องยึดมั่นคำพูด อะไรที่ใช่ อะไรที่ถูกหรือไม่ถูก ก็ต้องเป็นไปตามนั้น เราจะไม่ทำศีลเสมอกันกับเขา”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไรว่า เหตุการณ์จะไม่บานปลายกว่านี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เราพยายามไม่ให้บานปลาย แต่ถ้าเขาล่วงล้ำอธิปไตยเราก็ยอมไม่ได้ ขอให้สื่อมวลชนทำความเข้าใจกับประชาชนว่า เรายึดถืออธิปไตย ยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรก เราพยายามจะไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย แต่ถ้าเขาล่วงล้ำหรือละเมิดก็คงไม่สามารถจะหยุดได้ คงต้องว่าไปตามกระบวนการ อันนี้เรามีกฎของเราอยู่แล้ว มีกฎหมาย กฎการใช้กำลัง ซึ่งได้กำหนดไว้แล้ว โดยเหล่าทัพทราบดี
ทางด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และรมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยชัดเจนอยู่แล้วว่ากัมพูชาเริ่มยิงมา ดิฉันได้คุยกับ รมช.กลาโหมและกองทัพ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้อย่างดีที่จะดูแลพี่น้องประชาชน ดิฉันเป็นห่วงสิ่งที่เกิดขึ้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ได้ประชุมรับมือเกี่ยวกับเรื่องอาวุธที่มีตามแนวชายแดน ซึ่งมีความพร้อมมาตั้งนานแล้ว
“จริงๆ แล้วเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ไม่มีเครื่องมือใดสำคัญเท่าความสามัคคีของคนในชาติ เพราะฉะนั้น วันนี้สิ่งที่รัฐบาลและกองทัพพยายาม และพยายามมาตลอด คือไม่อยากให้ พี่น้องประชาชน ต้องเสียชีวิตต้องบาดเจ็บ เรารักคนไทยของเรา เรารักประเทศชาติของเรา เราไม่อยากให้มีใครได้รับผลกระทบและความเจ็บปวด แต่ไม่ทราบว่าทางเขาคิดอย่างไรกับประชาชนของตัวเอง เราคิดแบบนี้กับประชาชนของเรา รัฐบาล และกองทัพ ทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และขณะนี้นายภูมิธรรมได้สั่งการให้ดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงเตรียมความพร้อมกรณี จำเป็นต้องมีการอพยพประชาชน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ และขอให้ประชาชน ช่วยกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่” น.ส.แพทองธารระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้ความพยายามเจรจาแบบสันติวิธี MOU43 และ44 การเจรจาเจบีซี ถึงเวลาที่ควรพิจารณายกเลิกหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าว ขนาดนี้ไม่ได้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ทางกองทัพพยายามอย่างมาก รวมถึง รมช.กลาโหม เองก็ได้รายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออย่าให้ตอบโต้อะไร แม้รัฐบาลหรือกองทัพเองจะโดนต่อว่า ว่ามีการตอบโต้ช้า แต่เราเห็นเป้าหมายที่สำคัญว่าไม่อยากให้เสียเลือดเสียเนื้อ รัฐบาลจึงไม่ตอบโต้และอดทน เพราะชีวิตสำคัญที่สุด นั่นคือสิ่งที่เราคิดมาเสมอ แต่วันนี้ รมช.กลาโหม ก็ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าท่านเองก็อดทน ผู้บัญชาการทหารบกหรือหัวหน้างานผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็อดทนต่อสิ่งยั่วยุ ต่อการที่เข้าไปเจรจาแล้วไม่เป็นอย่างที่พูด เราไม่เคยทำร้ายเขา ถึงจุดนี้ตนภูมิใจและมั่นใจในตัวรัฐบาลและกองทัพว่าได้ทำทุกอย่าง อย่างเป็นผู้ใหญ่และเป็นระบบตามโปรโตคอลของต่างประเทศ รักษาไว้ถึงสันติภาพจนถึงที่สุด รัฐบาล และกองทัพได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว ตอนนี้ขอส่งกำลังใจให้ทางรัฐบาลและกองทัพและเจ้าหน้าที่ ประชาชนในพื้นที่ ขอให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้เร็วที่สุดตนเองหากมีอะไรที่ช่วยได้จะพยายามทำให้เต็มที่ในบทบาทของคนไทยคนหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กัมพูชายิงเข้ามาใกล้พื้นที่ จะบอกกับประชาคมโลกหรือไม่ว่าเป็นการกระทำที่ผิดยุทธวิธี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราต้องประณามอย่างแน่นอนประชาชนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ อีโหน่อีเหน่ และไม่ใช่ทหารด้วยกัน ที่มีอาวุธ ยิงมาแล้วชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ ดิฉันเองไม่ต้องพูดอะไรมาก ทั่วโลกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ก็พร้อมประณามเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายกฯ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาคลอเบ้า
ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) ชื่อบัญชี "Thaksin Shinawatra" ระบุว่า วันนี้ ฮุนเซนได้บัญชาการการยิงเข้ามาในเขตไทยแต่เช้า โดยเป็นฝ่ายยิงก่อน หลังจากที่วางกับดักระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งถือว่าได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และจริยธรรมของการอยู่ร่วมกันฉันท์เพื่อนบ้านที่ดี จนมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บขาขาดถึง 2 คน รวมถึงประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
ไทยเราได้ใช้ความอดทน อดกลั้น เดินตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและการทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่ดีครบถ้วนแล้ว
ต่อไปนี้ทหารไทยสามารถตอบโต้ตามแผนยุทธการ และกระทรวงการต่างประเทศสามารถกำหนดมาตรการต่างๆได้ด้วยความชอบธรรม