คนอุดรฯ พร้อมใจแห่บริจาคโลหิตเตรียมสำรองให้ทหารด่านหน้าและปชชแนวชายแดนไว้ยามฉุกเฉิน

ที่จ.อุดรธานี คนอุดรพร้อมใจแห่บริจาคโลหิต เอาไว้สำรองให้ทหารด่านหน้าและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ กรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินรองรับภัยจากการสู้รบไทย-กัมพูชาในขณะนี้

วันนี้ (24 ก.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดทั้งวันนี้ จนมีพลเรือนและทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปะทะ สภากาชาดไทยและกองทัพบก ได้ประกาศเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคโลหิต เพื่อสำรองโลหิตให้กับหน่วยทหารและประชาชนตามแนวชายแดน กรณีเกิด สถานการณ์ฉุกเฉิน(รองรับภัยจากการสู้รบ) และเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการเลือดอย่างเร่งด่วน ตามสื่อหลักและแพลตฟอร์มออนไลน์ จนประชาชนหลังประชาชนหลั่งไหลไปบริจาคโลหิตจำนวนมาก

ที่จ.อุดรธานี บรรยากาศที่งานบริการโลหิต จ.อุดรธานี ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี ปรากฎว่ามีประชาชนชาวจ.อุดรธานีแห่เข้าร่วมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันซึ่งกลุ่มงานฯ ได้ขยายรับบริจาคไปเวลาถึง 19.30 น.ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยประชาชนที่ร่วมบริจาคโลหิตต่างแสดงความยินดีและภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้อื่น และสามารถเก็บโลหิตได้จำนวนมากเพื่อสำรองไว้ใช้ในหน่วยงานต่าง ๆ สำรองโลหิตให้กับหน่วยทหารและประชาชนตามแนวชายแดน กรณีเกิด สถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป

น.ส.ชมภู่ พรหมศรี  รักษาการหัวหน้าบริการโลหิต จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า งานบริการโลหิตจังหวัดอุดรธานีภายในสำงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าจากปกติจะเปิดทำการในเวลา  8.00 น.- 16.30 น. จันทร์ - ศุกร์ ระหว่างวันที่ 24 - 25 กรกฎาคม 68 ขยายเวลาถึง 19.30 น. และจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อสำรองโลหิตให้สำหรับสภากาชาดไทยไปบริหารจัดการในชายแดนต่อไป ตอนนี้หลังขยายเวลาเปิดรับบริจาคก็ได้รับความตอบรับความร่วมมือจากประชาชนเดินทางมาร่วมบริจาคโลหิตแล้วเกือบ 100 ราย ได้โลหิตไป 21,000 cc คาดว่าพรุ่งนี้จะมีจำนวนคนเดินทางมาบริจาคมากขึ้นและได้โลหิตมากเพิ่มขึ้น

น.ส.สุดารัตน์ สีดาคำ บอกว่า หลังจากทราบข่าวว่ามีการรับบริจาคโลหิต ก็ค้นหาสถานที่รับบริจาคทันที นึกขึ้นได้ว่าอุดรมี 2 แห่งก็ คือ ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีและที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ซึ่งตอนนี้มีการขยายเวลารับบริจาคจึงเลือกมาที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี โดยตนเคยบริจาคโลหิตมาแล้ว 14 ครั้ง และการบริจาคครั้งนี้ก็ไม่ได้เจาะจงระบุว่าจะช่วยเหลือใคร แต่ตอนนี้มีสถานการณ์การปะทะกันที่ชายแดนเขมร เราก็เกิดความสงสารอยากช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน ทั้งทหารด่านหน้าและประชาชนตามแนวชายแดน พอเลิกงานก็รีบมาบริจาคโลหิตทันที เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ

ด้านนายวรรัตน์ เลี้ยงจำปา อายุ 49 ปี เล่าว่า ได้ยินข่าวไทยและกัมพูชาปะทะกันแล้วในตอนเช้ารู้เห็นใจพี่น้องชาวไทยตามแนวชายแดนที่ได้รับบาดและเสียชีวิต ในฐานะคนอุดรฯ สิ่งที่พอทำได้ก็คือการบริจาคโลหิต เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจจากใจของพี่น้องชาวอุดรธานีในตอนนี้