เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา ซึ่งถูกทางการกัมพูชาจัดฉากให้มาเที่ยว 3 ปราสาท ใน จ.สุรินทร์ ของไทย อันได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย แล้วมาสร้างความวุ่นวายก่อกวนยั่วยุเป็นประการต่างๆ ก็อยากสะกิดให้กัมพูชา ไปดูเกาหลีใต้ ซึ่งใช้การท่องเที่ยวไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนืออย่างชาวอารยประเทศ

โดยรัฐบาลโซล ทางการเกาหลีใต้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายอี แจ-มย็อง ได้มอบหมายให้ “กระทรวงรวมชาติ” อันเป็นกระทรวงที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการระหว่างสองประเทศเกาหลี เป็นผู้ดำเนินการหาแนวทางที่ใช้นโยบายการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในมาตรการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีกับเกาหลีเหนือ ประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นคู่สงคราม นับตั้งแต่ก่อร่างสร้างประเทศ เป็น “เกาหลีเหนือ” เป็น “เกาหลีใต้” บนคาบสมุทรเกาหลี เมื่อช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1950 กันมาเลยทีเดียว

จนถึงทุกวันนี้ ทั้งสองประเทศก็ยังคงดำรงสถานะเป็นคู่สงคราม ในสงครามที่ชื่อว่า “สงครามเกาหลี” กันอยู่เลย แม้กาลเวลาจะผ่านเนิ่นนานมากว่า 70 ปีแล้วก็ตาม โดยยังไม่มีสนธิสัญญาสันติภาพ มีเพียงการสงบศึกระหว่างกันเท่านั้น และที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็อยู่ในสภาพที่ตึงเครียด พร้อมที่จะปะทุเป็นสงครามการสู้รบได้ทุกเมื่อ

หนึ่งในมาตรการสำหรับรื้อฟื้นความสัมพันธ์ข้างต้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่นายอี แจ-มย็อง ชูเป็นหนึ่งในนโยบายรณรงค์หาเสียง พร้อมกับให้คำมั่น จนทำให้เขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังสาบานตนรับตำแหน่ง และจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ทางประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ ก็เริ่มดำเนินมาตรการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือโดยทันที

โดยทางการเกาหลีใต้ ก็จะใช้ “การท่องเที่ยว” มาช่วยเป็น “กาวใจ” สลายความขัดแย้ง พร้อมกับฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ หลังจากที่บาดหมางกันในช่วงที่ผ่านมา

นักท่องเที่ยวเล่นเครื่องเล่นในสวนน้ำของรีสอร์ทวอนซานคัลมา (Photo : AFP)

ทางกระทรวงการรวมชาติแห่งเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า จะเริ่มจากการอนุญาตให้เป็นการทัวร์ หรือการท่องเที่ยวส่วนบุคคล คือ เป็นรายบุคคล เป็นปฐมฤกษ์ก่อน

ที่ทางการเกาหลีใต้ ดำเนินการเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการละเมิดต่อมาตรการคว่ำบาตร หรือแซงก์ชัน โดยสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ในการลงโทษต่อเกาหลีเหนือ จากการที่รัฐบาลเปียงยางของเกาหลีเหนือ ดำเนินโครงการนิวเคลียร์และอาวุธต้องห้ามอื่นๆ

นักท่องเที่ยวเด็กเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน กับเครื่องเล่นภายในสวนน้ำของรีสอร์ทวอนซานคัลมา (Photo : AFP)

เรียกว่า ถ้าทางนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล่าชาติตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ตลอดจนสหประชาชาติ ทักท้วงขึ้นมา ทางเกาหลีใต้ ก็สามารถแก้ต่างได้ว่า เป็นการอนุญาตให้ท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือได้เป็นรายบุคคลเท่านั้น

ทั้งนี้ การอนุญาตนักท่องเที่ยวดังกล่าว ก็เป็นการสอดรับกับทางการเกาหลีเหนือ ที่เปิดสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศของพวกเขาไปแล้วก่อนหน้า

นั่นคือ สถานตากอากาศ หรือรีสอร์ท “วอนซานคัลมา” ซึ่งเป็นสถานท่องเที่ยวริมชายหาดทะเลของอ่าวเกาหลีตะวันออก ในเขตเมืองวอนซาน จ.คังวอน ของเกาหลีเหนือ

โดยนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ พร้อมด้วยภริยา “รี ซอล-จู” และ “คิม จู-เอ” บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน เดินทางไปเปิดสถานตากอากาศดังกล่าว เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านพ้นมานี้

ทั้งนี้ นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ หมายมั่นปั้นมือว่า จะใช้รีสอร์ทแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งที่พักเป็นโรงแรมสุดหรู มีสวนน้ำ เพื่อการเล่น และพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น เป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว เป็นรายได้เข้าประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ ซึ่งเบื้องต้นก็จะดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องรอไปอีกสักระยะ

นักท่องเที่ยวเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เช่น ม้าหมุน พร้อมกับยิงปืน ภายในรีสอร์ทวอนซานคัลมา (Photo : AFP)

เมื่อทางการเกาหลีเหนือของนายคิม จอง-อึน ต้องการเช่นนั้น ทางการเกาหลีใต้ ก็ได้จังหวะที่จะใช้การท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือข้างต้น เป็นช่องทางในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ โดยจะให้นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้เข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวเป็นปฐมก่อน นอกเหนือจากสถานที่อื่นๆ ในเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทางการเกาหลีใต้ของประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ก็หาดำเนินมาตรการดังกล่าวไปโดยพละการไม่ แต่ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ผู้นำเกาหลีใต้ ได้นำเสนอมาตรการนี้ด้วยการไปกล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 10 ของยูเอ็นเอสซี ประจำปีนี้ เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านพ้นมา เพื่อเน้นย้ำถึงการอนุญาตนักท่องเที่ยวเป็นรายบุคคลของเกาหลีใต้ไปเที่ยวในเกาหลีเหนือดังกล่าว ไม่ได้ละเมิดต่อมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติแต่ประการใด

นอกจากนี้ ทางการเกาหลีใต้ ก็กำลังศึกษาวิธีการแนวทางอื่นๆ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือให้ดีขึ้นกันต่อไป ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนใกล้ชิดติดกัน

โดยล่าสุด ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ผู้นำเกาหลีใต้ ก็ได้ประกาศระงับการใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือที่ติดตั้งตามแนวชายแดนระหว่างกันอีกด้วย ซึ่งการใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือข้างต้น ทางการเกาหลีใต้ได้ดำเนินการมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว เพื่อโจมตีระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ

ทหารเกาหลีใต้ ถอนการติดลำโพงของเครื่องขยายเสียงเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือ ออกจากตามแนวชายแดนระหว่างเกาหลีใต้-เกาหลีเหนือ (Photo : AFP)

พร้อมกันนี้ ทางการเกาหลีใต้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ยังได้มีคำสั่งให้เหล่าบรรดานักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเปียงยาง หยุดการรณรงค์แจกใบปลิววิพากษ์วิจารณ์ผู้นำเกาหลีเหนืออีกต่างหากด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศอันดีกับเกาหลีเหนือ ในอันที่จะไปสู่การปูทางที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือกันต่อไปในอนาคต

กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้ที่ต่อต้านเกาหลีเหนือ รณรงค์ส่งใบปลิวที่มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยให้ลูกโป่งพาลอยข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือ (Photo : AFP)

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงการท่องเที่ยวของชาวเกาหลีใต้ที่จะเดินทางเข้าไปสัญจรในเกาหลีเหนือแล้ว ก็เคยมีการท่องเที่ยวกันมาก่อน แต่มาสะดุดหยุดชะงักไป เพราะเกิดเหตุทหารเกาหลีเหนือยิงสังหารนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ จนเสียชีวิต ขณะท่องเที่ยวในเขตภูเขาคุมกังของเกาหลีเหนือ ในปี 2008 (พ.ศ. 2551) พร้อมกับความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลงตามลำดับ