จากกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ยกระดับความตึงเครียดอย่างฉับพลัน หลังเกิดเหตุยิงจรวด BM-21 หรือ “คาติวชา” หลายระลอกจากฝั่งกัมพูชา เข้าสู่เขตชุมชนฝั่งไทยใน 2 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ และ ศรีสะเกษ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 24 ราย
เหตุการณ์ที่ 1 ถล่มศูนย์พัฒนาแนงมุด จ.สุรินทร์ เวลา 10.40 น. จรวด BM-21 จำนวนมากถูกยิงเข้ามาจากฝั่งกัมพูชา ตกในพื้นที่ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 2 ราย และ ทหารบาดเจ็บ 14 นาย โดยผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.กาบเชิง และ รพ.สุรินทร์
เหตุการณ์ที่ 2 ยิงใส่พื้นที่ชุมชน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในเวลาใกล้เคียงกัน จรวด BM-21 จำนวน 5 ลูกตกลงใกล้ ร้านสะดวกซื้อ (เซเว่นอีเลฟเว่น) เขตเทศบาลตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 10 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินให้การดูแลอย่างใกล้ชิดที่ รพ.กันทรลักษ์
ล่าสุด วันที่ 24 ก.ค.68 ที่ บช.ภ.3 พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวด่วน ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาว่า เป็นการใช้กำลังเกินขอบเขต, ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน, และ ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อพลเรือนโดยตรง คือการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ไม่อาจยอมรับได้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะตามหลักมนุษยธรรม หรือกฎหมายระหว่างประเทศ การโจมตีพื้นที่พลเรือนเป็นพฤติกรรมที่โลกควรหยุดยั้ง พร้อมประกาศใช้ “แผนเผชิญเหตุขั้นสูงสุด” คุมเข้มแนวชายแดน โดยเร่งประสานกำลังกับหน่วยทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยข่าวกรอง เพื่อเฝ้าระวัง-ป้องกันการลุกลามของสถานการณ์ จุดเฝ้าระวังสำคัญที่มีการเสริมกำลังพิเศษ ได้แก่กลุ่มโบราณสถาน ปราสาทตาเมือนธม,ช่องทางธรรมชาติ ช่องอานม้า-ช่องบก และพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง ทุ่นระเบิดตกค้างตลอดแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้ง จุดตรวจ จุดสกัด และ หน่วยลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว พร้อมเตรียมสถานที่รองรับการอพยพประชาชนหากจำเป็น
พล.ต.ท.วัฒนา กล่าวว่า ได้รายงานเหตุการณ์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเสนอให้รัฐบาลดำเนินการผ่าน ช่องทางการทูต เพื่อยุติการกระทำที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เราไม่ต้องการความขัดแย้ง แต่จะไม่ยอมให้ประชาชนไทยต้องตกอยู่ในอันตราย การใช้สันติวิธีและการเคารพหลักสากลคือหนทางเดียวที่นำไปสู่สันติภาพ แม้จะเกิดเหตุรุนแรงใน 2 พื้นที่ แต่ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งเตือนประชาชน งดเดินทางเข้าใกล้แนวชายแดนทุกจุด เป็นเวลา อย่างน้อย 72 ชั่วโมง พร้อมอำนวยการจราจรในพื้นที่เสี่ยง เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากจุดอันตรายอย่างเร่งด่วน ส่วนช่องทางติดต่อ แจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชม. ได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 หรือสถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือ จุดบริการประชาชน ตร.ภาค 3
"ตำรวจภูธรภาค 3 ยืนยันเดินหน้าปกป้องความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และเร่งฟื้นฟูความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน" ผบช.ภ.3 กล่าว