“การปลูกข้าวรักษ์โลก หมายถึง การทำการเกษตรแบบยั่งยืน โดยใช้วิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบต่อธรรมชาติและช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ เมื่อคณะผู้วิจัยฯ นำโดย ดร.เฟื่องลดา ธนะโชติ ได้นำเอาหลักแนวคิดการผลิตข้าวยั่งยืนและเทคโนโลยี 4ป มาพัฒนาเป็นแนวทางการขับเคลื่อนงานวิจัยของกองวิจัยและพัฒนาข้าว เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการบูรณาการเขตกรรมทั้งระบบ
  
แนวทางการปลูกข้าวรักษ์โลกจะเน้นไปที่ 2 หลักใหญ่ ๆ คือ 
1) การ “ใช้” อย่างคุ้มค่า 2) และการ “ให้” กลับคืนเพื่อฟื้นฟู

1. การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 
ไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ ปุ๋ย หรือ เมล็ดพันธุ์ แค่เราใช้อย่างเหมาะสมก็มีส่วนช่วยโลกได้ ตั้งแต่การจัดการน้ำด้วยระบบ “เปียกสลับแห้ง (AWD)” ที่ช่วยลดการใช้น้ำได้ถึง 40% และลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ การใช้ “ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน” พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ “จุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังและฟางข้าว” แทนการเผา เพื่อยกระดับการดูดใช้ธาตุอาหารพืชและสร้างสมดุลให้ดินในระยะยาว


“การปลูกข้าวไม่ใช่เพียงแค่การผลิตอาหาร แต่เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาและความรักต่อผืนดินและธรรมชาติ “การปลูกข้าวรักษ์โลก” ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนให้กับชุมชน”
– ดร.เฟื่องลดา ธนะโชติ หัวหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการตอซังและฟางข้าวฯ กล่าว

2. การดูแลดินและระบบนิเวศ:
การปลูกข้าวแบบอินทรีย์ (Organic farming) หรือลดการใช้ปุ๋ยเคมีควบคู่กับการใช้สารปรับปรุงบำรุงดิน (Soil amendment) อย่างเหมาะสม ช่วยให้ดินฟื้นฟูและรักษาสุขภาพของดินในระยะยาว เกษตรกรอาจใช้วิธีการหมุนเวียนพืช (Crop rotation) หรือการปลูกพืชคลุมดิน (Cover cropping) เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและเพิ่มธาตุอาหารในดิน วิธีนี้ยังช่วยลดการเกิดศัตรูพืชโดยธรรมชาติอีกด้วย

“เราต้องเชื่อมโยง “องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์” เข้ากับ “พฤติกรรมเกษตรกร” ให้ได้ ไม่ใช่แค่สอนวิธีใส่ปุ๋ย แต่ต้องทำให้เกษตรกรเข้าใจว่า การใส่ปุ๋ยอย่างเหมาะสมคือการรักษาดิน รักษาแหล่งน้ำ และรักษาอนาคตของพวกเขาเอง นี่แหละคือหัวใจของการทำเกษตรที่ยั่งยืน”
– นางสาวกาญจนา กันธิยะ นักวิจัยด้านดินปุ๋ยและสารปรับปรุงดิน ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก กล่าว