เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและสาธารณสุขโชคชัย นำกำลังบุกทลายโรงงานผลิตแปรรูปน้ำกระท่อมในพื้นที่ ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นบริเวณบ้านเลขที่ 267 บ้านหนองสำโรง หมู่ 11 ต.โชคชัย อ.โชคชัย สามารถจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 13 คน พร้อมของกลาง น้ำกระท่อมกว่า 1,000 ขวดพร้อมอุปกรณ์การผลิตน้ำกระท่อม ก่อนนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งดำเนินพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาที่หน้าสถานีตำรวจภูธรโชคชัย อ.โชคชัย นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนทร์ เสตะปุตะ รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา,พ.ต.อ.ชวาลย์ วงษ์รอด ผกก สภ.โชคชัย,พ.ต.ท.สุชาติ ซ่อนพุทรา รองผกก.สภ.โชคชัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอโชคชัย ร่วมแถลงผลจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดจำนวน 13 คน พร้อมของกลาง น้ำกระท่อมบรรจุขวดพลาสติก ขนาด 1 ลิตรจำนวน 840 ขวด พร้อมส่วนผสม ยาแก้ไอยี่ห้อค็อกซ์จำนวน 17 ลัง (ลังละ50ขวด) น้ำอัดลม น้ำตาลสด ใบกระท่อมสด และอุปกรณ์การต้มและบรรจุภัณฑ์เป็นจำนวนมาก
พ.ต.อ.คเชนทร์ รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการลักลอบเปิดโรงงานต้มน้ำกระท่อมในพื้นที่อำเภอโชคชัย พบว่ามีกำลังมีการผลิตน้ำกระท่อมกันอยู่ โดยแบ่งหน้าที่ช่วยงานช่วยกันผลิตต้มน้ำกระท่อมและกรอกน้ำบรรจุลงขวดเพื่อเตรียมจำหน่าย โดยมีนายตระการ อายุ 39 ปี เป็นผู้เช่า
จากการสอบถามนายตระการ ฯ รับสารภาพว่า เป็นผู้ครอบครองดูแลโดยมาเช่าเปิดทำการต้มน้ำกระท่อมประมาณ 2 สัปดาห์ โดยว่าจ้างลูกจ้างทั้งหมดจ่ายค่าแรงวันละ 400 บาท แบ่งหน้าที่กันทำ มีการสั่งยาแก้ไอมาในราคาลังละ 2,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักลอบผลิตน้ำกระท่อม และมียาส่วนผสมที่ผิดกฎหมายไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เภสัชกรเบื้องต้นพบว่ายาทั้งหมดเป็นยาปลอมไม่ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้อง
ด้าน ภญ.ขวัญชนก ครุธกูล เภสัชกรชำนาญการอำเภอโชคชัย เปิดเผยว่าจัดการที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเลขทะเบียนของยาแก้ไอซึ่งเป็นส่วนผสมทั้งหมดไม่ตรงกับเลขทะเบียนยา ไม่พบข้อมูลการจดแจ้ง ซึ่งอาจเป็นยาจริงหรือยาปลอมก็ได้ ต้องรอการตรวจสอบอีกครั้ง แต่การนำยาประเภทนี้มาใช้ผิดวัตถุประสงค์อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพานำมาผสมกับน้ำกระท่อมจะทำให้ผู้เสพรู้สึกเคลิบเคลิ้ม นอกจากนี้อาจมีสารตกค้างที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เมื่อเยาวชนนำไปใช้ไปเสพอาจมีโทษรุนแรงต่อร่างกาย อาจเกิดภาวะไตวายฉับพลันได้ มีผลต่อการทำงานกับระบบภายในของร่างกายโดยเฉพาะตับและไต จึงขอฝากเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้น