สืบเนื่อง ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระราชดำริให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่แก้ไขปัญหาและส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาแก่เด็ก การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและครอบครัว ซึ่งขาดโอกาสในการพัฒนาด้านการศึกษาและคุณภาพชีวิตให้เทียบเท่าเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียนในชุมชนเมือง มาดำเนินการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กตาม “โครงการโรงเรียนเพียงหลวง” โดยกำหนดแผนการดำเนินโครงการในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดน รวม 31 จังหวัด

            ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี กรมการข้าว ได้ร่วมบูรณาการจัดทำ “โครงการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวในพื้นที่โครงการโรงเรียนเพียงหลวง 3” โดยจัดทำแปลงเรียนรู้กระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวสำหรับเด็กนักเรียน เกษตรกรในพื้นที่ และจัดทำแปลงปลูกข้าวเพื่อสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน

ปรัชญา แตรสังข์

            ปรัชญา แตรสังข์ ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี เล่าว่า โรงเรียนเพียงหลวง 3 เป็นโรงเรียนห่างไกล ตั้งอยู่ริมเขื่อนวชิราลงกรณ์ ฝั่งตะวันออก ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี การเดินทางไปถึงต้องใช้เรือ เนื่องจากไม่มีถนนตัดผ่าน นักเรียนส่วนใหญ่พักอาศัยอยู่ในแพหรือในพื้นที่ป่าฝั่งตะวันตกของชายแดน โรงเรียนแห่งนี้อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการศึกษาให้ใกล้เคียงกับเด็กในเมืองมากที่สุด

ที่ผ่านมา ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี ได้สนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการจัดทำแปลงปลูกข้าวเพื่อให้นักเรียน ครู และชุมชนได้เรียนรู้และใช้ประโยชน์ โดยนำพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ไปทดลองปลูก ไม่เพียงเพื่อเป็นอาหารกลางวันของโรงเรียน แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ชาวบ้านนำไปต่อยอดใช้ในพื้นที่ของตนเอง ปีนี้มีการนำพันธุ์ข้าว 2 ชนิดมาให้ทดลองปลูก ได้แก่ กข79 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ผ่านการทดลองในพื้นที่โรงเรียน ตชด.หลายแห่งในกาญจนบุรีและได้ผลผลิตดี และพันธุ์ข้าวหอมหัวบอน (กระบี่ 72) ข้าวไร่จากภาคใต้ที่เหมาะกับการปลูกในสวนยาง โดยไม่ต้องบุกรุกป่าเพิ่มเติม ถือเป็นการทดลองครั้งแรกในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี หากผลลัพธ์ดี จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างการทำกินและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ในอดีตโรงเรียนใช้ข้าวหอมมะลิเป็นหลัก แต่เนื่องจากไม่มีพื้นที่นามากนัก จึงพัฒนาแปลงจากสนามฟุตบอลเก่ามาใช้ปลูกข้าว เคยทดลองปลูกพันธุ์ กข43 ซึ่งได้ผลดีแต่ผลผลิตยังต่ำ ทำให้ปีนี้เลือกนำพันธุ์ข้าว กข79 และพันธุ์ข้าวหอมหัวบอน (กระบี่ 72) มาทดลองเพิ่ม ด้วยวิธีการปลูกข้าวไร่แบบดั้งเดิม และแบบปักดำเหมือนพื้นที่นาภาคอีสาน ซึ่งการทดลองนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการผลิตอาหาร เพราะการปลูกในสภาพป่ามีข้อจำกัด ทำให้ผลผลิตต่ำ รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง มาเสริมศักยภาพในการผลิตอีกด้วย

โครงการฯ นี้ได้รับความสนใจจากนักเรียน ครู และเกษตรกรในพื้นที่อย่างมาก เพราะข้าวเป็นอาหารหลัก และการเดินทางออกไปซื้อข้าวใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง การปลูกข้าวได้เองจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร ปัจจุบันชาวบ้านบางส่วนเริ่มขอเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อ และเรียนรู้การเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง ทำให้สามารถปลูกข้าวได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนตลอดเวลา

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2567 ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรีทำแปลงเรียนรู้ 1 แปลง ขนาด 3 ไร่ 2 งาน โดยใช้พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ได้ผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 9,000 กิโลกรัม แม้จะมีปัญหาวัชพืช แต่ยังสามารถจัดสรรเป็นอาหารกลางวันของโรงเรียน 8,000 กิโลกรัม และแบ่งให้ชุมชน/หมู่บ้านที่ขาดแคลน 1,000 กิโลกรัม สำหรับปี 2568 มีแผนทำแปลงเพิ่มเป็น 2 แปลง ใช้พันธุ์ข้าวไร่หอมหัวบอนจาก ศูนย์วิจัยข้าวกระบี่ และพันธุ์ กข79 จาก ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครสวรรค์ พร้อมดำเนินการปลูกตั้งแต่เดือนกรกฎาคมและเก็บเกี่ยวในปลายปีนี้

“ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและครอบครัวในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี ขอสืบสานพระราชปณิธานโดยมุ่งให้เด็กและชุมชนมีข้าวกินเป็นพื้นฐานของความมั่นคงทางอาหาร พร้อมต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่โรงเรียนและชุมชนอื่นในพื้นที่ชายแดนประเทศไทยต่อไป” ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี กล่าวทิ้งท้าย