อันดับหนึ่ง เชียงใหม่ ตามด้วย กรุงเทพฯ พะเยา สุราษฎร์ และลำพูน ระบุเฉพาะแค่เดือนม.ค.ยอดป่วยกว่า 1.6 หมื่นราย ตายแล้ว 1 มักเป็นเด็กวัยเรียน 7-9 ปี ตามด้วย 10-14 ปี แนะไข้ไม่ลด กินยาไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ต้องรีบหาหมอทันที นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค
กล่าวว่า ช่วงนี้สภาพอากาศแปรปรวน และหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจทำให้เจ็บป่วยง่าย ประกอบกับอยู่ในช่วงการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ปีนี้พบผู้ป่วยสูงกว่าค่ามัธยฐานและค่าพยากรณ์ และอัตราป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกภาค ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ 1–28 ม.ค.62 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 16,058 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยเรียน พบมากสุดในกลุ่มอายุ 7-9 ปี ร้อยละ 12.92 รองลงมา 10-14 ปี ร้อยละ 12.26 และอายุ 25-34 ปี ร้อยละ 11.95 ตามลำดับ 5 จังหวัดที่อัตราป่วยสูงสุดคือ เชียงใหม่ กทม. พะเยา สุราษฎร์ธานี ลำพูน ตามลำดับ นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากสัมผัสสารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ) ของผู้ป่วย ผ่านไอ จามรดกัน หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป อาจรับเชื้อทางการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น หลังรับเชื้อมักมีอาการทันทีหรือ 1-2 วัน จะมีไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก (โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา) อ่อนเพลีย มีน้ำมูกใส หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ให้หยุดเรียนหรือหยุดงานทันที ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ งดออกกำลังกาย งดดื่มน้ำเย็น รับประทานอาหารอ่อน น้ำเกลือแร่และพักผ่อนมากๆ มีไข้ให้เช็ดตัว หากไข้ไม่ลดให้รับประทานยาลดไข้ ห้ามใช้แอสไพริน หากไม่ดีขึ้นใน 2 วัน รีบพบแพทย์ทันที ซึ่งส่วนใหญ่จะหายเองใน 5-7 วัน