วันที่ 19 ก.ค.68 นายวุฒิชัย นรสิงห์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานที่ 9 จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดจันทบุรีได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนที่จะตกต่อเนื่องในระยะต่อไป โดยมีการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการกักเก็บและการระบายน้ำ

ทั้งนี้ จันทบุรี มีอ่างเก็บน้ำรวมทั้งหมด 6 แห่ง แบ่งเป็นของกรมชลประทาน 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองประแกด อ่างเก็บน้ำคลองหาวแมว อ่างเก็บน้ำคลองสานทราย และอ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธ และอีก 2 แห่งเป็นอ่างเก็บน้ำภายใต้การดูแลของกระทรวงพลังงาน ได้แก่ เขื่อนคีรีธาร และเขื่อนพลวง ซึ่งทั้งหมดสามารถรองรับปริมาณน้ำรวม 377 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมประมาณ 270 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 74% ของความจุ

สำหรับแนวทางบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปีนี้ มี 3 แนวทางหลัก ได้แก่
1. การติดตามสถานการณ์น้ำจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) เพื่อประเมินแนวโน้มฝนที่จะตกในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างแม่นยำ
2. การบริหารจัดการน้ำอย่างสมดุล โดยพิจารณาความต้องการใช้น้ำของประชาชน ควบคู่กับปริมาณน้ำที่อ่างสามารถรองรับได้
3. การเฝ้าระวังช่วงที่มีความเสี่ยง เช่น เดือนสิงหาคมถึงกันยายน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าฝนอาจต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และอาจมีฝนตกเพิ่มในเดือนตุลาคม จึงจำเป็นต้องเก็บน้ำไว้อย่างระมัดระวัง

นอกจากนี้ โครงการชลประทานจันทบุรียังได้ดำเนินการตาม 9 มาตรการของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติอย่างเคร่งครัด อาทิ การตรวจสอบอาคารชลศาสตร์ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง การขุดลอกแหล่งน้ำและกำจัดวัชพืชไม่ให้ขัดขวางทางน้ำ การเตรียมเครื่องจักรกลประจำจุดเสี่ยง และการเตรียมการรับมือในกรณีฝนตกหนักเฉพาะพื้นที่ เช่น ในเขตรับลมมรสุมบริเวณชายฝั่งตะวันออก ขณะที่พื้นที่ด้านใน เช่น อ.โป่งน้ำร้อน และอ.สอยดาว ยังคงมีฝนตกน้อย โดยในส่วนของชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนน้ำในช่วงปลายฤดูฝนและต้นฤดูแล้ง และยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก