เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง ได้รับแจ้งมีผู้ถูกยิง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ภายในสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ซอยไทยประกัน 1/5 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรายงาน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผู้กำกับการ สภ.บางเสาธง พนักงานสอบสวน พร้อมด้วย ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ภายในสนามฟุตบอลหญ้าเทียม พบผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย ทราบชื่อ 1.นายชญามร(หรือวิน) พราวศรี อายุ 18 ปี นอนแน่นิ่งอยู่บริเวณทางเข้าสนาม มีบาดแผลถูกยิงตามหน้าอกและใบหน้า รวมกว่า 13 แผล เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การช่วยเหลือปั้มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตอยู่นาน แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ / 2.นาย ไชยวัฒน์ ตางาม อายุ 20 ปี นอนแน่นิ่งอยู่ด้านในสนาม ถูกยิงเข้ากลางอกและลำคอ เจ้าหน้าที่กู้ชีพให้การช่วยเหลือปั้มหัวใจและเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา / 3.นาย พรมมินทร์ ขันทอง อายุ 18 ปี ถูกยิงเข้าที่คางและใบหน้า อาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ชีพให้การช่วยเหลือและเร่งนำส่งโรงพยาบาลให้แพทย์รักษา ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านในละแวกเกิดเหตุ โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่และตรวจสอบ พบหมอนรองปลอกกระสุนปืนลูกซองไม่ทราบขนาดตกอยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ ผนังกั้นสังกะสีข้างสนามฟุตบอลพบร่องรอยกระสุนปืนถาดแฉลบแผ่นสังกะสีจำนวนมาก ส่วนผู้ก่อเหตุมาด้วยกัน 2 คน ทราบชื่อ นายพิศาล หรือโบ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และ นาย ธีรนันท์ หรือ ธง (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี หลังก่อเหตุ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ภาพวงจรปิดข้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม สามารถจับภาพได้ในขณะ นายพิศาล หรือโบ้ (เสื้อดำสวมหมวกกันน็อก และ นายธีรนันท์ หรือ ธง อายุ 20 ปี (เสื้อแดง) พากันขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มาที่ข้างสนามบิน ก่อนจะตะโกนท้าทายให้อีกฝ่ายออกมาจากภายในสนาม จากนั้นภาพวงจรปิดอีกมุมจับภาพได้ ในขณะที่ นายโบ้ คล้ายกับถืออาวุธปืนวิ่งเข้าไปหากลุ่มของ นายชญามร(ผู้ตาย) พร้อมกับเพื่อนพากันออกมาจากสนามฟุตบอล เพื่อเผชิญหน้ากับ นายโบ้ และ นายธง โดยครั้งแรก
จะเห็นว่า นายโบ้ ได้ชักอาวุธปืนพยายามจะยิงแต่เหมือนกระสุนด้าน จึงล่าถอยออกมา จากนั้น นายชญามร ผู้ตาย และเพื่อน จึงออกมาตรงประตูทางเข้าสนาม จังหวะนั้น เอง นายธง ซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ จึงชักปืนลูกซองสั้นขึ้นมายิงสาดกระสุนเข้าใส่กลุ่มของ นายชญามร และเพื่อน ทำให้กระสุนพุ่งถูก นายชญามร และ เพื่อนร่วมงานอีกสองคน คือ นาย ไชยวัฒน์ และ นายพรมมินทร์ จนได้รับบาดเจ็บและพากันวิ่งหนีตายเข้าไปภายในสนามก่อนจะล้มฟุบกองกับพื้น โดยภาพจากคลิปมือถือของเพื่อนอีกคนบันทึกภาพได้ในขณะที่เพื่อน ๆ พากันพยายามเข้าช่วยชีวิต จนกระทั่งไม่นาน เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเดินทางมาถึงและเข้าทำการปั้มหัวใจยื้อชีวิต นายชญามร แต่ไม่เป็นผลยืนยันเสียชีวิตคาขอบสนามฟุตบอล ส่วน เพื่อนอีกสองคน คือ นายไชยวัฒน์ และนายพรมมินทร์ อาการสาหัส โดยเฉพาะ นายไชยวัฒน์ กู้ชีพเร่งปั้มหัวใจและนำตัวส่งโรงพยาบาล (เสียชีวิตในเวลาต่อมา)ส่วนนาย พรมมินทร์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์รักษา
ขณะที่ นาย พชรพล (พะ-ชะ-ระ-พน) อาลัยกลาง อายุ 20 ปี เพื่อนร่วมงานที่มาเตะฟุตบอลในสนาม บอกว่า คนตายกับผู้ก่อเหตุเขามีเรื่องกันมาก่อนจากด้านนอก จนผู้ตายวิ่งเข้ามาให้เพื่อนที่กำลังเล่นฟุตบอลในสนามช่วย เพื่อนๆจึงพากันออกมาดู ตอนแรกผู้ตายตะโกนกับไปหานายโบ้หนึ่งในผู้ก่อเหตุ ว่ากูไม่กลัวมึงหลอกไอ้โบ้ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็พยามห้ามปราบผู้ตายไม่ให้ออกไป แต่ไม่ทันขาดคำ ระหว่างที่ผู้ตายเดินออกมาจึงถูกยิงสวนใส่ทันที
ขณะที่ ฝ่ายบุคคลของโรงงานที่ผู้ตายทำงานอยู่ บอกว่า คนตายและผู้บาดเจ็บทั้งหมดทำงานอยู่ที่บริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ ส่วนนาย โบ้ ผู้ก่อเหตุ เดิมเคยเป็นพนักงานแผนกสโตร์ แผนกเดียวกันกับผู้ตาย แต่นายโบ้ ได้ออกจากงานไปทำที่ใหม่หลังจากสงกรานต์ที่ผ่านมา ส่วนปัญหาทะเลาะวิวาทอะไรกันนั้นตนเองไม่ทราบและทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะหรือมีเรื่องมีราวกันภายในโรงงานมาก่อน
ด้าน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ บอกว่า สำหรับกรณีดังกล่าว จากการสอบสวนพยานแวดล้อมเบื้องต้นทราบว่าผู้ตาย และผู้ก่อเหตุ เป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน และเคยมีปัญหากันมา พอมาวันนี้ฝ่ายผู้ก่อเหตุทราบว่าผู้ตายจะมาเตะฟุตบอลกับเพื่อนทุกเย็นวันศุกร์ที่สนามแห่งนี้จึงตามมาก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืน ซึ่งผู้ก่อเหตุมีทั้งหมดสองคน ขณะนี้รู้ตัวหมดแล้ว ตอนนี้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไม่ว่าจะเป็นสืบภาค สืบจังหวัด และสืบท้องที่ เร่งล่าตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกำชับการปฏิบัติตามยุทธวิธีของตำรวจเนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืนหลบหนี ทั้งนี้ฝากถึงผู้ก่อเหตุขอให้ติดต่อมอบตัว หากยังหลบหนีการจับกุมทางตำรวจก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยเช่นกันเพราะมีอาวุธปืนใช้ในการก่อเหตุ