“อธิบดีดีเอสไอ” ยัน มีภาพพวกขัดขวางจนท.ตอนเข้าวัดธรรมกายชัดเจน เผย ค้นรอบสองต้องรอบคอบ ขอเวลาประเมินสถานการณ์สักระยะ ส่วนคดี “สมเด็จช่วง” ว่าไปตามหลักฐาน เมินถูกกดดัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เดินทางรับทราบข้อกล่าวหาที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังถูกตำรวจออกหมายเรียกฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานและสนับสนุนให้มียุทธภัณฑ์ จากเหตุการณ์เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ว่า เรื่องนี้ดีเอสไอในฐานะผู้เสียหายไปแจ้งความเอาไว้ เนื่องจากถูกขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ หลักฐานและพฤติกรรมแห่งเหตุเห็นชัดเจนอยู่แล้ว มีบันทึกภาพทุกอย่าง ถ้าเขาคิดว่าบริสุทธิ์ให้ต่อสู้กันในชั้นศาล ส่วนดีเอสไอยึดกฎหมายเป็นหลัก เพราะตอนเข้าไปในวัดพระธรรมกายเราเข้ามาทำหน้าที่ตามหมายค้น จะเห็นว่าตอนเข้าไปเราได้แสดงหมายค้น มีการแจ้งทุกขั้นตอน แต่ท้ายสุดกลับมีการขัดขวาง "ดีเอสไอไม่รู้สึกกดดัน เพราะเราทำตามข้อกฎหมาย เราทำแบบนี้ทุกคดี ไม่เช่นนั้นจะถูกถามเรื่องมาตรฐาน สื่อคงเห็นแล้วว่ามีการใช้มวลชนมากดดัน ถ้าบริสุทธิ์ใจก็อยากให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย"อธิบดีดีเอสไอ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า การขอหมายค้นวัดพระธรรมกายรอบที่ 2 จะทำอย่างไรหากมีการใช้โล่มนุษย์อีก พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า เหมือนที่สื่อเห็น แต่ไม่เป็นไร เพราะมีขั้นตอนกฎหมายอยู่แล้ว ถึงวันนั้นถ้าประเมินสถานการณ์แล้วว่าพร้อมเราจะดำเนินการขอหมายค้นรอบต่อไป โดยมีการประเมินสถานการณ์หลายเรื่องและตลอดเวลา ทั้งการข่าว และการเข้าไป เราดำเนินการอยู่แล้ว ขอเวลาสักระยะ โดยครั้งต่อไปคงไม่ดำเนินการเหมือนรอบแรก แต่ต้องมีความรอบคอบ มาตรการจะเพิ่มตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อถามย้ำว่า หากรัฐไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ความไม่น่าเชื่อถือจะเกิดขึ้นกับรัฐเองหรือไม่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ตนคิดว่ากฎหมายคือกฎหมาย เพียงแต่ผู้ที่จะเข้าไปจับกุมต้องประเมินสถานการณ์ว่าถ้าเข้าไปแล้วจะเกิดแรงกระทบกระทั่งกัน เหมาะสมหรือไม่ในสถานการณ์อย่างนี้ จึงต้องประเมินสถานการณ์ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการครอบครองรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ขั้นตอนจะรวดเร็วหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ทุกอย่างมีขั้นตอนกฎหมาย แต่ละข้อหาบางครั้งต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมิน จะไปบอกล่วงหน้าไม่ได้ ส่วนที่มีความพยายามนำมวลชนออกมากดดันนั้น กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย โดยรมว.ยุติธรรม ได้ให้นโยบายว่าให้ยึดกฎหมาย ทำตรงไปตรงมา ผิดคือผิด ไม่ผิดคือไม่ผิด การที่เราจะไปกล่าวหาเขาถ้าไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่เองก็ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างว่าตามหลักฐาน ไม่มีใครไปเปลี่ยนอะไรได้ เมื่อถามย้ำว่า ควรจะทำให้เรื่องจบภายในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า บางอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐาน และการพิจารณาคดีในชั้นอัยการ ศาล ซึ่งเราบังคับเขาไม่ได้