เจาะเฟรม/การะเกด ตอนเป็นเด็ก จำได้ว่าเคยนั่งหลับบนตักพ่อที่ลานวัดในชนบทของอีสานในคราวที่พ่อกับเพื่อนๆจัดผ้าป่าไปทอดที่วัดบ้านเกิด ซึ่งในงานนั้นได้ว่าจ้างคณะหมอลำมาแสดงให้ชาวบ้านได้ดูได้สนุกกันทั้งคนในหมู่บ้านของพ่อและหมู่บ้านใกล้เคียงที่หอบเสื่อหอบกระติ๊กข้าวติดมือมาด้วย เพราะหมอลำจะแสดงกันถึงเช้า แม้พ่อจะเป็นคนอีสาน แต่ท่านก็มาทำงานมารับราชการอยู่ในกรุงเทพฯ จะได้พาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดก็เฉพาะงานบุญปีละไม่เกินสองครั้ง แน่นอนว่าในวัยนั้นไม่ได้รู้สึกสนุกไปด้วย เพราะติดอยู่กับการจะได้ดูหนังกลางแปลงตามวัดในกรุงมากกว่า แต่นานเข้า จากความไม่ชอบก็เริ่มกลายเป็นความคุ้นเคย คงเพราะโตขึ้น เข้าใจอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมาทำงานที่ต้องตระรอนไปในพื้นที่ต่างๆก็รับรู้ถึงความงดงาม ความเป็นเอกลักษณ์ของศิลปแขนงนี้ได้ประมาณหนึ่ง เรียกว่าสนุกไปกับการดูหมอลำ แต่ไม่รู้ลึกว่าหมอลำมีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร เว้นแต่ที่เห็นคือลำกลอนกับรำซิ่ง ซึ่งอย่างหลังจะเรียกว่าเป็นการพัฒาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับโลกกับความนิยมของคนใหม่ก็คงได้ และไม่ว่าหมอลำจะมีกี่อย่างกี่ประเภท อย่างหนึ่งที่รับรู้ได้ก็คือ มันสนุก มีเอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งจากเครื่องดนตรี เช่น แคน โหวด โปล่งลาง พิณ ที่สอดประสานกันเป็นท่วงทำนองที่สนุกสนาน ได้เห็นได้ยินที่ไหนก็รู้ ไม่ว่ารูปแบบมันจะพัฒนาปรับเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ แก่น ของความเป็นอีสานก็ยังคงอยู่ ที่สำคัญก็คือ การอยู่แบบมีพัฒนาการต่อยอด สอดรับไปกับวิถีของสังคมปัจจุบัน นี่หรือเปล่าคือประเด็นหลักที่หนังอย่าง หมอลำมาเนีย ต้องการนำเสนอ หนังเล่าถึงความมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มชาวอีสานคนหนึ่งที่ชื่อ อาจ เขาอยากจะเป็นหมอลำ หลงไหลขนาดไม่ยอมไปเรียนหนังสือ และได้ร่วมมือกับเพื่อนคือ สิน ที่อดีตหลวงพี่ที่บวชเพราะอกหัก และสึกเพราะไม่ชอบผู้ใหญ่บ้านที่เข้าเบียดบังใช้อำนาจ กะว่าจะลงชิงตำแหน่งนี้เสียเอง กับอีกคนคือ สเตอ นักเรียนดนตรีสากลที่เข้ามาสมัครเป็นครูของโรงเรียนในหมู่บ้าน และเพื่อให้ได้วงที่สมบูรณ์ จึงเกิดภาระกิจตามหายอดฝีมือในทางดนตรีเข้ามาร่วมวง ทั้งมือกลอง มือพิณ เพื่อฟอร์มวงเข้าชิงตำแหน่งวงที่จะได้เล่นในงานวัดของหมู่บ้าน และความฝันของวงก็ไม่ใช่หมอลำธรรมดา หรือหมอลำแบบขนบที่เรียกว่าลำกลอน ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ลำซิ่งที่มีหางเครื่องซึ่งเล่นที่ไรก็มีหนุ่มๆมาเมามาต่อยกันหน้าเวทีทุกครั้งไป แต่วงของเขา จะเป็นหมอลำรูปแบบใหม่ที่ผสานเอาแนวดนตรีตะวันตกเข้ามา ทั้งร็อคจนถึงเฮฟวี่เลยทีเดียว แม้แก่นของหนังจะเป็นการชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการต่อยอดหมอลำโดยไม่จำเป็นจะต้องละมิ่งความเป็นขนบ แต่มันจะถูกยอมรับหรือเปล่า จะมีคนฟังหรือไม่ นั่นอาจจะเป็นโจทย์ที่ดูเหมือนจะมีคำตอบให้ประมาณหนึ่ง และแก่นนี้ก็ถูกหุ้มอยู่ด้วยความเป็นหนังตลก ซึ่งเมื่อเอาตลกมาเป็นเปลือก ก็ง่ายต่อการที่จะใส่ลูกเล่นใส่มุกที่อยากใส่ลงไปโดยไม่จำเป็นต้องพะวังกับความจริง ความสมเหตุผล หรือความลึกของอารมณ์ในตัวละครมากนัก และไม่ต้องมาตั้งคำถามหรือมาสงสัยว่า ไอ้นั่นมาอย่างไร ไอ้นี่มาอย่างไร ถึงอย่างนั้น การดูหมอลำมาเนีย ก็ต้องดูแบบเปิดในกว้างอย่างสุดๆโยเฉพาะโปรดักชั่นที่ทำกันแบบธรรมดาไม่ได้สวยงามหวือหวาจะด้วยข้อจำกัดในด้านทุนหรืออะไรก็ตามทีเถอะ ท่วากับติดใจนักแสดง ถึงนักแสดงแต่ละคนไม่รู้จักไม่เคยเห็นกันมาก่อน ซึ่งข้อดีของการไม่รู้จักก็คือ ไม่ติดภาพ อะไรที่เขาแสดงออกมาก็ดูสนุก สมจริงบ้าง เกินจริงบ้าง แต่รวมๆก็ลื่น โดยเฉพาะนักแสดงนำอย่าง อาจ ที่ตอนหนึ่งเขานั่งเล่นดนตรีกับเพื่อ แล้วรำกลอนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแม้จะเป็นช่วงสั้นๆในหนัง แต่มันอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเลยว่า หมอลำนั้นมีการขับการร้องและท่วงทำนองที่แตกต่างกันมากมาย มีชื่อเรียกไปตามพื้นถิ่นที่กำเนิด ในขณะเดียวกัน เสียงร้องของ อาจ ในเรื่องกำให้เกิดข้อสงสัยว่า เขาคือใครทำไมร้องหมอลำได้เพราะ แถมเล่นได้ดีมีเอกลักษณ์คือการนุ่งสโร่งไหมทั้งเรื่อง ในความเป็นหนัง แน่นอนว่าที่คือหนังที่ไม่ได้สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ในด้านการสือความ นี่เป็นประเด็นที่ทำให้ชอบ และมันยังทำให้ต้องออกมาตามค้นต่อ จนรู้ว่านักแสดงที่เล่นเป็น อาจ นั่นคือ จิรายุ สูตรไชย หรือ ก้องศิลป์ ฟ้าล่วงบน หนึ่งในนักนำของวง กู่แคน สคูล นักศึกษาจากขอนแก่นที่หันมาเอาดีทางหมอลำในรูปแบบเฉพาะที่พยายามพัฒนาดัดแปลงความเป็นหมอลำให้ร่วมสมัย ซึ่งยอดวิวในยูทูปของของมีคนเข้าไปนับสิบล้าน ทั้งยังมีงานเพลงประกำอบในหนังเรื่อง ผู้บ่าวไทยบ้าน อีกด้วย หมอลำมาเนีย จึงเป็นเหมือนการสื่อสารอีกชิ้นหนึ่งที่พวกเขาพยายามสื่อสารกับคนอื่นๆในสังคม ที่ความสำเร็จหรือล้มเหลว อาจไม่สำคัญมากไปกว่าการได้พยายามลงมือทำ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เป็นการไม่ยอมจำนนของคนรุ่นใหม่ เพราะการจะพัฒนาต่อยอดอะไรก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักรากให้ลึกที่สุด ซึ่งพวกเขาก็ทำกันจริง ศึกษาจริง รู้จริงจากครูเพลงครูรำที่มีชื่อเสียงของอิสาน และพวกเขาไม่ใช่แค่ร้องเป็น แต่ร้องเพราะ และไม่ใช่แค่รำเป็น แต่รำสวย ไม่ว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร ก็ขอชื่นชมในความพยายามและการลงมือทำ ภาพจาก siamzone