เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) ได้เดินทางมายื่นสำนวนคดีคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นการสนทนาระหว่าง สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่ง นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นผู้ยื่นแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่าเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ “Samdech Hun Sen of Cambodia” ซึ่งเป็นแหล่งเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าว อยู่ในประเทศกัมพูชาและนอกอำนาจของกฎหมายไทย แต่จากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร พนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานและสรุปสำนวนความหนาประมาณ 50 หน้า ส่งต่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาในฐานะเจ้าของคดี
เบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ว่าด้วยความมั่นคงของราชอาณาจักร และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 โดยพบว่ามีพฤติการณ์โพสต์ต่อเนื่อง มีลักษณะเจตนาแนบชัด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสมเด็จฮุนเซนเป็นผู้ดูแลหรือเกี่ยวข้องกับเพจดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากข้อมูลเชิงลึกยังอยู่ในสำนวนคดี และไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ในขั้นนี้ พร้อมย้ำว่า การดำเนินคดีครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาฟ้องแก้เกี้ยวทางการเมือง แต่เป็นการดำเนินคดีตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจากผู้ร้องทุกข์
ด้าน นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็น "ความผิดนอกราชอาณาจักร" หรือไม่ โดยสำนักงานการสอบสวนของอัยการจะเข้าดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด หากมีความเห็นสั่งฟ้อง สำนวนจะถูกส่งกลับมายังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาเห็นชอบ
หากอัยการสูงสุดมีความเห็นสอดคล้องกัน ก็จะสามารถดำเนินการขอศาลออกหมายจับ และต่อมาส่งหมายแดงไปยังอินเตอร์โพล ซึ่งมีสมาชิก 196 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้ความร่วมมือในการติดตามจับกุม
โฆษกอัยการฯ ระบุด้วยว่า คดีนี้มีความอ่อนไหวด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในทุกขั้นตอน โดยยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนได้ในขณะนี้