คนร้ายบุกเดี่ยว สวมเสื้อแขวนยาวมีหมวกฮู้ด เข้าก่อเหตุชิงทอง 8 เส้น น้ำหนัก 8 บาท มูลค่าร่วม 500,000บาท  ในห้างบิ๊กซีสาขาระนอง ก่อนจะหยิบทองที่พนักงานร้าน วางตั้งบนตู้กระจกขณะกำลังจะรวบรวมเก็บก่อนปิดร้าน แล้ววิ่งหลบหนีออกไปทางข้างห้างทันที ใช้เวลาไม่ถึงฮึดใจ  พนักงานชายรีบวิ่งตามหลังทันที ไปทันในระยะ 90 เมตร ก่อนกระโดดถีบ คนร้ายชายดังกล่าวหน้าคว่ำลงกับพื้น  และพนักงานห้างอีก 2 คน ร่วมกับตำรวจสายตรวจเข้าล็อคตัวทันที  
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2568  เวลา 19.28 น.  ศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองระนอง รับแจ้งเหตุ คนร้ายชิงทอง ในร้านทองคำใน ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ สาขาระนอง ตำบลบางนอน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง จึงรีบสั่งการให้ตำรวจสายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองระนอง เร่งรุดเข้าที่เกิดเหตุทันที  พร้อมสั่งการให้ป้อมยามตำรวจบนถนนสายหลัก ออกตั้งจุดสกัดบนถนนสายสำคัญ รอบเขตตัวเมืองระนอง โดยแจ้งรูปพรรณเป็นคนร้ายสวมเสื้อแขนยาวมีหมวกหมวกสวมศีรษะ และสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า กางเกงขายาว และสวมรองเท้าผ้าใบ    


 
 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลังรับแจ้งเหตุ ได้ขับรถยนต์ติดตามรถยนต์สายตรวจ 191 ตามเข้าไปยังห้างที่เกิดเหตุ จนกระทั่งถึงบริเวณด้านข้างของห้างดังกล่าว ห่างจากร้านทองจุดเกิดเหตุประมาณ 90 เมตร  พนักงานร้านทองและพนักงานห้างดังสาขาระนอง รวม 3 คน และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระนอง ได้ทำการควบคุมคนร้ายไว้เป็นที่เรียบร้อย   ก่อนนำตัวขึ้นนั่งและสวมกุญแจมือไว้ด้านหลัง  โดยทองที่ติดตัวมากับคนร้ายมีจำนวน 8 เส้น น้ำหนัก 8 บาท รวมมูลค่าร่วม 500,000 บาท

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สอบถามคนร้ายผู้ก่อเหตุ ทราบว่า ชื่อนายสุเมธ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดตรัง เคยขายของในห้างที่จังหวัดตรัง แต่ตกงานมาร่วม 6 เดือน มาอาศัยอยู่กับแฟนที่จังหวัดระนอง พอถามว่ามาก่อเหตุที่ห้างโดยรถอะไร นายสุเมธ ให้การว่ามีคนมาส่ง เป็นคนในละแวกใกล้บ้านเช่า แต่ยังคงให้การสับสนว่าเดินทางมาก่อเหตุแล้วจะกลับหรือหลบหนีอย่างไร จึงต้องมีการสอบถามผู้ก่อเหตุอีกครั้ง ก็ยังคงให้การว่ามีคนมาส่ง อาศัยอยู่กับแฟนที่บ้านแถวตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง เมื่อตรวจสอบประวัติเบื้องต้น เคยถูกดำเนินคดีและต้องโทษ ในข้อหาฉ้อโกง และวิ่งราวทองหนัก 2 บาท ที่จังหวัดตรังมาก่อน  

นายสุริยะ  เปลี่ยนสมบัติ  อายุ 26 ปี พนักงานประจำร้านทองคำเยาวราช  ที่วิ่งไล่ตามคนร้ายมา ได้กล่าวว่า ในขณะกำลังเก็บทอง จะปิดร้าน คนร้ายจู่ๆแล้วเดินเข้ามา แล้วหยิบทอง วิ่งออกไปทันที แล้วผมวิ่งไล่ตามมาทันที เมื่อทันตรงจุดนี้จึงกระโดดถีบหลัง ตรงจุดนี้ โดยมีพี่พนักงานวิ่งถือไม้มาช่วยอีก 2-3 คน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมควบคุมตัว

จากนั้นได้ควบคุมตัว นายสุเมธ ผู้ต้องหาชิงทอง กลับไปที่ร้านทองคำเยาวราช  โดยมี พล.ต.ต.ธนวัตร  วัฒนกุล  ผบก.ภ.จว.ระนอง  และ พ.ต.อ.เสกสรร  แก้วสว่าง รอง
ผบก.ภ.จว.ระนอง เข้าร่วมกับ ร.ต.ท.สาธิต ประทีปจิตร รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองระนอง ตรวจสอบภายในร้านทองคำเยาวราช ถึงการเข้ามาก่อเหตุของคนร้ายที่ใช้เวลาเพียงอึดใจ สามารถชิงทองออกไปได้  โดยขณะกำลังปิดร้านไม่ทันได้ล็อคประตู  อยู่ระหว่างการรวบรวมและนับทองออกมาตั้งบนตู้กระจก ก่อนนำเข้าตู้เซฟภายในร้าน  ร้ายนายสุเมธได้เดินเข้ามาโดยไม่ทันระวังหรือสอบถาม ได้หยิบสร้อยคอทองคำในแผงที่ตั้งไว้จำนวน 8 บาท วิ่งหลบหนีทันที ซึ่งในขณะนั้นนายสุเมธ ได้มีอาสการลักษณะคนจะอาเจียน  ทางตำรวจจึงอนุญาตและควบคุมตัวผู้กก่อเหตุไปพบแพทย์ที่ รพ.ระนองก่อน แล้วค่อยส่งตัวให้กับร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง ทำการสอบปากคำ  
พล.ต.ต.ธนวัตร  วัฒนกุล  ผบก.ภ.จว.ระนอง  เปิดให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะที่ร้านทองกำลังจะปิด   พนังงานขายในร้านกำลังจะเก็บทอง  นายสุเมธ ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว ได้เดินเข้าไปในร้านทอง จากนั้นก็ทำการหยิบทอง ที่ตั้งอยู่วิ่งหนีออกจากร้านไปด้านหลังห้าง พนักงานชายประจำร้านได้วิ่งตามไปทัน  และได้กระโดดถีบหลัง จนคนร้ายล้มลง  เป็นจังหวะที่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วย กันกอดรัดฟัดเหวี่ยง  ซึ่งตอนเกิดเหตุพนักงานร้านได้รีบโทรแจ้ง 191 และมีตำรวจอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุพอดี  ตามที่ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่จัดเวรยามช่วงร้านทองปิดปิด ให้มาตรวจตราเป็นประจำ  ก่อนจะควบคุมตัวไว้ได้  ซึ่งกรณีนี้นับได้ว่า เป็นกรณีร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งพลเมืองดี พนักงานร้าน และตำรวจช่วยกันจับคนร้ายไว้ได้   โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที