เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ที่ 132/2568 เมื่อ 24 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา กรณีการเลือก สว.ระดับจังหวัดใน จ.ขอนแก่น โดยกรณีกล่าวหาว่าผู้สมัครรับเลือก สว.ขอนแก่น จำนวน 22 ราย กระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561

โดยคณะกรรมการ กกต.มีคำวินิจฉัย “ยกคำร้อง” ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 22 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกกล่าวหา 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อกล่าวหาที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) ข้อกล่าวหาที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 เรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 81

คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณารายงานการไต่สวน ตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ข้อกล่าวหาที่ 1 และข้อกล่าวหาที่ 2 มีข้อเท็จจริงเกี่ยวเนื่องกัน ผู้ร้องยื่นคำร้องและให้ถ้อยคำว่า ก่อนวันเลือกระดับอำเภอเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้นัดพบกันที่ร้านอาหารบ้านโนนเรือง ต.บ้านค้อ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ต่อมาในวันเลือกระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พ.ศ. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 ปรากฏว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ได้คะแนน 0 คะแนน โดยไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเอง

ตนจึงสันนิษฐานว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัด ทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด และเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง เพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81 แต่ตนไม่มีพยานหลักฐานและไม่ประสงค์จะให้ถ้อยคำใดเพิ่มเติมอีก

จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า มิได้กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหาในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ ได้แนะนำตัวตามที่กฎหมายกำหนดและไม่มีการนัดประชุมเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกหรือผู้สมัครคนใด

ในวันเลือกระดับจังหวัดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 พวกตนได้ศูนย์คะแนนและมิได้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง เพราะเห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดคนอื่นมีคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมมากกว่า และทราบว่าสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้ 2 คน โดยจะลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือไม่ก็ได้

จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 7 ผู้ถูกร้องที่ 8 ผู้ถูกร้องที่ 9 ผู้ถูกร้องที่ 11 ผู้ถูกร้องที่ 12 ผู้ถูกร้องที่ 13 ผู้ถูกร้องที่ 14 ผู้ถูกร้องที่ 15 ผู้ถูกร้องที่ 19 ผู้ถูกร้องที่ 21 และผู้ถูกร้องที่ 22 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ ได้แนะนำตัวตามที่กฎหมายกำหนดและไม่มีการนัดประชุมเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกคนใด และมิได้จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด หรือเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องที่ 9 ให้ถ้อยคำอีกว่า ผู้ร้องเคยเล่าให้ตนฟังว่า ว่า ระหว่างวันที่ 14 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลากลางคืน มีผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดทุกกลุ่มไปประชุมกันที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

ทั้งนี้ จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านใน ต.บ้านค้อ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ให้ถ้อยคำว่า ไม่พบเห็นหรือได้ยินข่าวว่าผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภานัดพบกัน เนื่องจากในหมู่บ้านโนนเรือง มีเพียงร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งไม่สามารถนัดพบปะหรือประชุมกันได้

จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ถึงพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว และกรรมการประจำสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และจากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล ให้ถ้อยคำว่า ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2567 ไม่มีผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภามาจัดประชุมที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ระหว่างวันที่ 1 พ.ค.2567 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2567 ไม่พบข้อมูลที่น่าสงสัยหรือน่าเชื่อว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงที่ติดตั้งไว้บริเวณสถานที่เลือกไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 มีพฤติการณ์กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาแต่อย่างใด

เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า ผู้ร้องกล่าวหาว่า ก่อนวันเลือกระดับอำเภอเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาประชุมกันที่ร้านอาหารบ้านโนนเรือง ต.บ้านค้อ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

ต่อมาในวันเลือกระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 ปรากฏว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ได้คะแนน 0 คะแนน โดยไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเอง ผู้ร้องจึงสันนิษฐานว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด และเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองเพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและการให้ถ้อยคำของผู้ร้องแล้วเห็นว่า เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนให้น่าเชื่อถือ ประกอบกับจากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในต.บ้านค้อ อ.เมืองขอนแก่น ให้ถ้อยคำว่า ไม่พบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้นัดพบกัน เนื่องจากหมู่บ้านโนนเรืองมีเพียงร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านอาหารตามสั่ง ไม่สามารถนัดพบปะหรือประชุมกันได้ โดยมีพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ถึงพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว และกรรมการประจำสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 ให้ถ้อยคำสอดดคล้องกันว่า ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

ส่วนประเด็นที่ผู้ถูกร้องที่ 9 ให้ถ้อยคำว่า ผู้ร้องเคยเล่าให้ฟังว่า ระหว่างวันที่ 14 – 15 มิ.ย. 2567 เวลากลางคืน มีผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดทุกกลุ่มไปประชุมกันที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อ.เมืองขอนแก่น แต่จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงแรมขอนแก่นโฮเต็ลให้ถ้อยคำว่า ระหว่างวันที่ 1 – 15 มิ.ย. 2567 ไม่มีผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภามาจัดประชุมที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล ประกอบกับจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย. 2567 ก็ไม่พบข้อมูลที่น่าสงสัย หรือน่าเชื่อถือว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

นอกจากนี้ ในประเด็นที่ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเองนั้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 41 (3) บัญญัติว่า ในการเลือกระดับจังหวัดให้ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอแต่ละกลุ่มลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกินสองคน โดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกินหนึ่งคะแนนมิได้

ดังนั้น ผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ย่อมมีสิทธิที่จะลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือบุคคลใดตามความประสงค์ของตนเท่าที่ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงที่ติดตั้งไว้บริเวณสถานที่เลือกก็ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 มีพฤติการณ์กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหา

ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81 ตามคำร้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

#กกต #เลือกตั้งสว #สวขอนแก่น #คำวินิจฉัยกกต #ข่าวการเมือง #การเมืองไทย #เลือกตั้ง2568 #ข่าวเลือกตั้ง #ข่าวเด่น #ซื้อเสียง #ฮั้วคะแนน #ยกคำร้อง #สมาชิกวุฒิสภา