คำพูดของทักษิณบนเวทีเสวนา “ผ่าทางตันประเทศไทย” ถูกจับตาอย่างหนัก เมื่ออดีตผู้นำผู้ไร้ตำแหน่ง ประกาศชัด “ผมอยู่ ผมรับรู้ทุกเรื่อง” สะท้อนบทบาท “รัฐในเงา” และจุดเสี่ยงต่อข้อหาครอบงำพรรคการเมือง!
โดยรองศาสตราจารย์ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมือง และยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสต์ให้ความเห็นต่อหลายๆ วาทกรรมของนายทักษิณบนเวทีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ และทีมข่าวสยามรัฐ นำมาใช้เป็นข้อมูลในการแยกแยะวิเคราะห์ขยายความต่อในหลายๆ ประเด็นที่ชวนให้คิดตาม…
จากเวทีเสวนาวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 และจากการให้สัมภาษณ์หลายครั้ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงการมีบทบาทในรัฐบาลโดยตรงผ่านสถานะที่เขาเรียกตัวเองว่า “พ่อนายก” พร้อมคำประกาศที่อาจฟังดูเรียบง่าย แต่สะเทือนโครงสร้างการเมืองอย่างรุนแรง เช่น
“ผมอยู่ ผมรับรู้ทุกเรื่อง และจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
นี่ไม่ใช่คำพูดจากข้าราชการประจำ หรือจากบุคคลในระบบราชการอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการแสดงสถานะเหนือระบบ คือผู้ที่ไม่ต้องมีตำแหน่ง แต่สามารถ “ทำ” อะไรได้ในระดับสูงสุด
⚖️ เส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง “คำปรึกษา” กับ “ครอบงำ”
ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28
“ห้ามมิให้พรรคการเมืองอยู่ภายใต้การครอบงำ หรือชี้นำจากบุคคลภายนอก”
เมื่ออดีตผู้นำทางการเมืองที่ไม่มีตำแหน่งในระบบ ออกมาแสดงบทบาทในการ “สื่อสารถึงข้าราชการ” หรือ “ชี้นำนโยบายของรัฐบาล” โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลนั้นนำโดยลูกสาวของเขาเอง
ย่อมทำให้เกิดคำถามว่า...เขาอยู่ในฐานะใด? และนี่คือครอบงำหรือไม่?
แม้คำพูดอย่าง “ไม่ต้องรอสถานการณ์ทางการเมือง พ่อนายกอยู่นี่” อาจตั้งใจให้เป็นเพียงคำปลอบใจหรือกำลังใจ แต่ในบริบทของ “รัฐที่มีระบอบประชาธิปไตย” นี่คือการสื่อสารที่มีนัยยะลึกซึ้ง
โดยเฉพาะต่อระบบราชการและข้าราชการประจำ ซึ่งต้อง “รอความชัดเจนจากผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้” เพื่อจะขับเคลื่อนงานอย่างมั่นใจ
🧩 การเสนอความภักดี และ “การแลกพื้นที่ทางอำนาจ”
“การจะทำงานกับใคร ต้องไม่ขัดนโยบายหลัก ๆ โดยเฉพาะสถาบัน” ประโยคนี้ของนายทักษิณ
อาจไม่ใช่เป็นการพูดกับประชาชนทั่วไป หากแต่ส่งสัญญาณตรงไปยังชนชั้นนำ รัฐราชการประเพณี และเครือข่ายองค์กรอิสระ ว่ารัฐบาลของเขา (ผ่านลูกสาว) “ไม่ใช่ภัยคุกคาม” แต่พร้อมที่จะปรับตัวเป็นผู้เล่นที่เชื่อฟัง
นี่คือ “คำเสนอ” ที่อาจไม่ได้มาในรูปแบบกฎหมาย หรือข้อตกลงทางนโยบาย แต่เป็นข้อเสนอในเชิงความสัมพันธ์อำนาจ
และในระบบที่เน้นการไว้เนื้อเชื่อใจส่วนตัวมากกว่าหลักนิติธรรม นี่คือหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงอิทธิพลที่สุด
🔥 วาทกรรม ‘แดงกับส้ม’ และความพยายามตัดตอน
หนึ่งในประเด็นที่สะท้อนยุทธศาสตร์ของนายทักษิณ คือการกล่าวว่า“แดงกับส้มเป็นปลาคนละน้ำ”
นี่ไม่ใช่แค่การวิจารณ์ทางนโยบาย หากแต่เป็นการ “ตัดตอนเชิงอุดมการณ์” วางพรรคประชาชน (อดีตก้าวไกล) ให้อยู่คนละฟากฝั่งของระบอบ ไม่ใช่พวกเดียวกัน และเป็น “จุดที่อันตรายเกินไป”
ในขณะที่นายทักษิณพยายามวางตัวเองในจุดที่ “แตะได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียว” คือ “อย่าท้าทายสถาบัน”
แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่การพูดจากมวลชนในฐานะนักเคลื่อนไหว หากแต่พูดในฐานะ “ผู้ออกแบบกลยุทธ์ของรัฐบาล” โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง
🧠 การเมืองที่ไม่ยอมโต เพราะผู้ใหญ่ไม่ยอมวางมือ
“กลืนเลือด 3-4 ปี๊บก็ว่าไป” นายทักษิณกล่าวเปรียบเปรยถึงความอดทนในการรักษาอำนาจ
ประโยคนี้อาจเรียกเสียงหัวเราะจากแฟนคลับ แต่ในเชิงการเมือง มันคือการ นิยาม “ความอดทนเพื่ออำนาจ” ที่ไม่พึ่งหลักการหรือประชาธิปไตย
สิ่งที่สำคัญคือ "คณิตศาสตร์ในสภา" และ “การต่อรองกับขั้วอื่น” มากกว่าเสียงของประชาชน
ในระบบที่ “เสียงปริ่มน้ำก็เพิ่มได้” เราอาจไม่จำเป็นต้องมีพรรคที่มีอุดมการณ์ แค่มี “เครื่องคิดเลข” ดีพอ ก็สามารถเดินหน้าต่อได้
🕯️ สะท้อนภาพ “รัฐในเงา” และความเสี่ยงซ้อนสอง
1. ความเสี่ยงทางกฎหมาย หากมีการตีความว่าทักษิณ “ครอบงำพรรคการเมือง” อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.ป. พรรคการเมือง นำไปสู่การร้องเรียนจาก กกต. หรือการยื่นยุบพรรคเพื่อไทย
2. ความเสี่ยงทางการเมือง การพูดชี้นำ ข่มขวัญ และส่งสัญญาณจากผู้อยู่เหนือรัฐบาล อาจทำให้รัฐบาลเสียความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และภาคประชาสังคม
3. ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง ทำให้เกิดคำถามเชิงหลักการว่า เรากำลังอยู่ภายใต้ rule of law หรือ rule of man?
สรุปแล้ว การกลับมาของนายทักษิณ ไม่ใช่เพียงการกลับมาใช้สิทธิในฐานะประชาชน แต่คือการกลับมาแบบ “ผู้เล่นที่ไม่ต้องมีตำแหน่ง”
คำพูดของเขาไม่ใช่เพียงแค่การวิเคราะห์การเมืองทั่วไป แต่มันกลายเป็น "คำประกาศบทบาท" ของคนที่ยัง “อยู่” และ “กำกับ” ทุกอย่าง แม้ไม่มีบทบาทตามกฎหมาย
นี่คือระบบที่เรียกได้ว่า “รัฐในเงา”
และในระบบแบบนี้ กฎหมายอาจกลายเป็นแค่เครื่องตกแต่ง เวทีประชาธิปไตยอาจเป็นเพียงฉาก แต่ตัวละครหลัก กลับยืนอยู่หลังม่าน...และยังไม่ยอมวางมือ
#พ่อนายกยังไม่วางมือ#ครอบงำพรรคหรือคำปรึกษา#ทักษิณเงารัฐบาล#รัฐในเงา#การเมืองไทยไม่โต#ทักษิณ9กรกฎา#ครอบงำเพื่อไทย