วันที่ 11 ก.ค.2568 นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แสดงความคิดเห็นต่อแนวทางการขับเคลื่อน Soft Power ของรัฐบาล ว่าเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองที่ถูกหยิบมาใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง หรือพัฒนาระบบรองรับผู้สร้างสรรค์ ดังนั้นการรีแบรนด์พรรคการเมือง หรือการจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อซอฟต์พาวเวอร์ในปัจจุบัน อาจสร้างความรู้สึกหวังในระยะต้น เพราะฟังดูทันสมัยและสอดรับกับเทรนด์โลก แต่หากขาดความเข้าใจในแก่นแท้ของซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งหมายถึงการส่งออกเรื่องเล่า ค่านิยม และอัตลักษณ์ที่โลกอยากเรียนรู้ ก็จะกลายเป็นเพียงการพายเรือวนอยู่กับที่ โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในงบประมาณรัฐ จึงเต็มไปด้วยคำว่าซอฟต์พาวเวอร์แต่ไร้ทิศทาง

นายธัญวัจน์ ตั้งข้อสังเกตประสิทธิภาพของการใช้งบประมาณงาน SPLASH – Soft Power Forum 2568 ที่ใช้งบประมาณกว่า 55.4 ล้านบาทว่าเป็นเพียงการจัดแสดงศักยภาพภายในประเทศ โดยขาดกลไกการส่งออกวัฒนธรรมออกสู่เวทีนานาชาติ ขณะที่นโยบายหลายด้านที่อ้างถึงซอฟต์พาวเวอร์ กลับไม่มีระบบสนับสนุนทุนมนุษย์หรือศิลปินผู้ผลิตเนื้อหาและครีเอเตอร์ไทยได้ปรากฏตัวในเวทีสากล งานที่ควรเป็นเวทีสร้างอำนาจทางวัฒนธรรมกลับกลายเป็นกิจกรรมเพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงนโยบาย

เมื่อพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาในสภา ยังคงจัดสรรเงินจำนวนมากให้กับโครงการที่ใช้คำว่าซอฟต์พาวเวอร์ แต่ไม่เคยเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่เคยมีระบบสนับสนุนคนสร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม และไม่มีกลไกส่งออกเนื้อหาทางวัฒนธรรมที่ชัดเจน งบประมาณยังคงวนเวียนอยู่กับเวที งานโชว์ สื่อประชาสัมพันธ์ มากกว่าการลงทุนในทุนมนุษย์ ความฝัน และเรื่องเล่าที่จะอยู่ยืนยาวในความทรงจำของโลก

นายธัญวัจน์ กล่าวอีกว่า แนวคิด Muay Thai Bootcamp ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำเสนอว่าเป็นเทรนด์สุขภาพแนวใหม่ เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจนั้น ซึ่งความพยายามยกระดับซอฟพาวเวอร์ด้วยการขายบริการอย่าง Thai Wellness หรือ Muay Thai Detox แม้จะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่ยังไม่ใช่ซอฟพาวเวอร์โดยแท้จริง เนื่องจากไม่ได้ส่งต่อวัฒนธรรมให้เกิดการเรียนรู้ในต่างประเทศอย่างยั่งยืน

“Soft Power ที่แท้จริงต้องทำให้มวยไทยกลายเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนต่างประเทศ มีครูมวยไทยที่ได้มาตรฐาน และมีเรื่องเล่าที่ฝังอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลก ไม่ใช่แค่ให้ชาวต่างชาติมาทดลองชั่วคราวในไทย” นายธัญวัจน์ กล่าว

นายธัญวัจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวกังวลต่อข้อเสนอของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้นักกีฬาเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยเห็นว่าเป็นการเบี่ยงเบนจากแก่นของซอฟพาวเวอร์ เพราะการดูแลสุขภาพและรายได้ของนักกีฬา เป็นหน้าที่ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ซอฟพาวเวอร์คือการทำให้นักกีฬาไทยกลายเป็นเรื่องเล่าที่โลกอยากติดตาม เป็นภาพแทนของวัฒนธรรมที่ผู้คนอยากมีส่วนร่วม และกลายเป็นแรงบันดาลใจระดับนานาชาติ

เพราะฉนั้นผลลัพธ์จากการไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างซอฟเพาเวอร์ อาจนำไปสู่ปัญหาเชิงระบบ เช่น ศิลปินไม่สามารถเติบโตในระบบไทย ,ประเทศยังคงเป็นเพียงฉากถ่ายทำของวัฒนธรรมคนอื่น ,งบประมาณเบนไปจากผู้ผลิตเนื้อหาสู่กิจกรรมที่รัฐควบคุม และทำให้ประชาชนรู้สึกว่านโยบายเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง ไม่ใช่การลงทุนระยะยาวที่สร้างการเปลี่ยนแปลงจริง

“วันนี้เรายังไม่มีระบบที่ทำให้คนเล่าเรื่องได้เติบโต ไม่มีเวทีให้ศิลปินไทยได้ยืนในระดับสากล และไม่มีการปกป้องเสรีภาพทางความคิดให้กับศิลปิน ซอฟพาวเวอร์จึงกลายเป็นเพียงคำที่รัฐใช้สร้างภาพว่าทันโลก แต่ไม่เข้าใจหัวใจของวัฒนธรรม” นายธัญวัจน์ กล่าว