กุนซือข้างกาย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีอิทธิพล เหนือพรรคเพื่อไทย ยังคงคิดค้นและหากรรมวิธีเพื่อให้ทั้ง “นายใหญ่” และ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ยังคงได้อยู่ในแสงสปอตไลต์ จะไม่มีการหาย หรือจมไปกับสถานการณ์ อันเนื่องมาจากคดีและคำร้อง

เพราะหาก ทั้งทักษิณ และแพทองธาร ไม่เคลื่อนไหว ชิงพื้นที่คืนจากสื่อ แต่ปล่อยให้ความเงียบเป็น “คำตอบ” ในทุกๆคำถามแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่จะตามมา คือ “ความเชื่อมั่น” ของครม.ใหม่ มีแต่จะถดถอย โดยเฉพาะในจังหวะที่ “สมเด็จ ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมายิงหมัดตรงเข้าใส่ทั้ง “เพื่อนรัก” อย่างทักษิณ  แต่ฝ่ายหลังเลือกที่จะ “เงียบ” จึงกลายเป็น “การยอมรับสภาพ” ว่าเป็นรองอดีตผู้นำกัมพูชา โดยนัยยะ หรือไม่

ขณะที่ นายกฯแพทองธาร เองวันนี้ไม่อาจเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ “สร.1” ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม จึงเป็นเพียงสถานะเดียวที่ยังทำให้นายกฯแพทองธาร ได้มี “งานทำ” 

ในท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองอันเข้มข้น เมื่อภายหลังจากที่ครม.ใหม่ เริ่มปฏิบัติงาน แต่สิ่งที่ยังเป็น “จุดอ่อน” และสุ่มเสี่ยง ต่อรัฐบาลคือสภาพ  “เสียงปริ่มน้ำ”  พรรคเพื่อไทยต้องพยายามแก้เกม หาทาง “เติมเสียงสส.” เข้าสภาฯ ในการประชุมแทบทุกนัด  ไม่เช่นนั้นพรรคฝ่ายค้าน ที่วันนี้ มีพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ “ฝ่ายแค้น” กลายเป็น “ศัตรู” ที่น่ากลัวยิ่งกว่า “พรรคประชาชน” ที่ถูกวิจารณ์ว่า “ชกไม่เต็มหมัด” ประนีประนอมกับพรรคเพื่อไทย จนผิดสังเกต

บรรยากาศภายในพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล หลังจบการตั้งครม.ใหม่ “แพทองธาร 1/ 2” ยังเต็มไปด้วยความคับข้องใจจากบรรดา “สส.อกหัก”

โดยเฉพาะ “สายอีสาน” ที่ดูจะผิดหวัง ครั้งแล้วครั้งเล่า  เนื่องจาก พลาดหวัง “เก้าอี้รัฐมนตรี” มาแล้วด้วยกันถึง 2-3 รอบ ตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัฐบาลเศรษฐา จนมาถึง “แพทองธาร 1”  และ “แพทองธาร 1/ 2” กลุ่มสส.อีสาน ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาจาก “เจ้าของพรรค”

ทั้งนี้การเคลื่อนไหวกดดัน ให้สส.บัญชีรายชื่อ ที่ไปรับตำแหน่งรัฐมนตรี ให้ต้องลาออก จึงมีขึ้น เสมือนนัดหมาย ซึ่งกรณีดังกล่าว ทำให้ “สุชาติ ตันเจริญ”  ลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อ แล้ว หลังจากที่ไปนั่งรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ “เอกพร รักความสุข”  ได้ขยับขึ้นมาเป็นสส.ลำดับต่อมาแทน

ขณะที่ “ดร.หญิง” ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์  ที่เพิ่งเข้าไปนั่ง รมช.ศึกษาฯคนใหม่ป้ายแดง  หากเธอลาออก คนที่จะได้ขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน คือ “ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย”  และยังมีรัฐมนตรีของพรรค ที่ยังเป็นสส.บัญชีรายชื่อ แต่ยังไม่ลาออก คือ ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รองนายกฯและรมว.คมนาคม

ปัญหาภายในพรรคเพื่อไทย ยังไม่จบลงที่การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี เท่านั้นแต่อย่าลืมว่ายังเหลือเก้าอี้ “รองประธานสภาฯคนที่ 2” ที่ว่างลง และนี่คือความหวังสำหรับสส.สายอีสาน ที่ภาคต่อ หากโควตานี้ไม่ถูก “พรรคกล้าธรรม” ส่งคนเข้ามาชิงออกไปได้สำเร็จ

อย่างไรก็ดี แม้พรรคเพื่อไทย จะเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล แต่ด้วยสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ถูกรุมเร้า ทั้งในและนอกประเทศเช่นนี้ โดยที่นายกฯอิ๊งค์ และทักษิณ  ทำท่าว่า “เอาไม่อยู่” แม้ล่าสุดทักษิณ จะมาปรากฎตัวและใช้เวทีสื่อตอบคำถามร้อนๆ ทั้งเรื่องคลิปเสียงฮุน เซน จนทำให้ลูกสาว ต้องถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือการพูดถึงโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ดูเหมือนว่า “ความขลัง” ของ “แบรนด์ทักษิณ” นั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ ส่งผลให้สส.ในพรรคเอง จำนวนไม่น้อย ต้องมองหา “อนาคตทางการเมือง”  วางแผนสำรองเอาไว้เช่นกัน เพราะหากจะอยู่เพื่อไทยต่อไป ก็ยังไม่มีใครการันตีได้ว่า จะ “ฝ่ากระแส” พรรคส้ม กันได้หรือไม่ ดังนั้นอย่าไปคิดว่า “สส.งูเห่า” จะเกิดขึ้นเฉพาะ “ปีกฝ่ายค้าน” เท่านั้น เมื่อการเป็นพรรคใหญ่ แต่อาจไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน ได้มากพอ ย่อมไม่ได้หมายความว่า  สส.เพื่อไทย จะไม่คิดสละเรือ !