ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
“..บทเรียนของชีวิต..จักกลายมาเป็นปรากฏการณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ของชีวิต..มันเกิดขึ้นได้เสมอ ตราบใดที่..เราต่างรู้สำนึกในตัวเอง..”
หลายครั้งที่อุบัติการณ์ต่างๆของชีวิต..ได้กลายเป็นจุดเริ่มของอนาคตใหม่อันมีค่า..ข้ามพ้นความล้มเหลวของอดีต..กลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่..มันคือชัยชนะเหนือการมองเห็นของชีวิต..เป็นองค์ความรู้แห่งการประจักษ์แจ้งในสิ่งที่สมควรกระทำ..
“ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความผิดพลาด..ไม่มีสิ่งที่เราไม่สมควรที่จะจดจำ..ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต..ล้วนคือบทเรียนอันเลอค่า..ที่สมควรถูกบันทึกไว้..ในทาบเงาของจิตวิญญาณ..ชั่วนิรันดร์”..!
“..สำนึกแห่งใจข้างต้น ..คือสาระความแห่งเนื้อหาอันมีค่าของหนังสือ นิยายเชิงประสบการณ์”..พระ เฟอร์รารี่ และ ความหมายของชีวิต.. ( The Monk Who Sold His Ferrari)..ผลงานประพันธ์ของ.. “โรบิน เอส. ชาร์มา” (Robin S. Sharma) นักเขียนชาวแคนาดา..ผู้เขียนหนังสือ “The 5 AM. Club”..
..เขาได้ค้นพบและนำเสนอ 7 หลักการอันเรียบง่าย ซึ่งสามารถประกอบสร้างพลัง ให้เราทุกคนได้สัมผัสกับ “ความสงบงามภายใน” กระทั่งสามารถมองเห็นจุดหมายของชีวิต และ ค้นพบความสุขอันแท้จริง..!
หนังสือเล่มนี้ .ถือเป็นหนังสือที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่งในศตวรรษที่ 21..และ..สามารถขายต่อเนื่องยาวนานมาถึง 25 ปี..โดยมียอดขายถึง 15 ล้านเล่ม..!
“จงมองความล้มเหลว ..เป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง..” 7 หลักการ..ที่นำเข้าสู่ความสุขและความสมดุล..ที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต..เล่าผ่านเรื่องราวแห่งชีวิตของ “จูเลียน แมนเทิล” ผู้เคยมีชีวิตอยู่อย่างร่ำรวยและรื่นรมย์ มีบ้านอยู่ที่หรูหรา มีรถที่แสนงามและแสนเเพงขับ..รวมทั้งมีชื่อเสียงเกียรติยศที่โด่งดัง..
ทั้งหมดเขาต้องแลกมาด้วยการทำงานหนัก..สุดท้ายร่างกายก็เสื่อมทรุดไม่สบายอย่างหนัก..เขาหมดไฟในการทำงานและใช้ชีวิต..จนไม่รู้ว่า..จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม..? และ..เพื่อสิ่งใด?
..จนกระทั่งวันหนึ่ง..หัวใจของเขาก็ได้เกิดการล้มเหลวอย่างเฉียบพลัน กลางห้องพิจารณาคดี..! มันจึงคือสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้เขาตัดสินใจ ทิ้งทุกสิ่งไว้ข้างหลัง ไม่เว้นแม้แต่ “รถเฟอร์รารี่” ที่ราคาแสนแพงคันโปรดของเขา..!
ทั้งนี้ก็เพื่อ..การเริ่มต้นในการเดินทาง เพื่อค้นหา “ความหมายของชีวิต”..! ระหว่างการเดินทางเขาก็ได้พบกับ “นักปราชญ์แห่งเทือกเขาหิมาลัย”..ที่ได้จุดประกายและถ่ายทอดปรัชญาชีวิตอันล้ำค่าให้แก่เขา ..ปรัชญาที่ยากจะค้นพบได้จากที่ไหน..!
ซึ่ง..ปรัชญาดังกล่าวนี้..ก็ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไป..ตลอดกาล..! “นักฝันที่ยิ่งใหญ่ จะไม่เพียงไปให้ถึงฝัน แต่พวกเขาจะไปให้ไกลกว่าสิ่งที่ได้ฝันไว้เสมอ..”
7 หลักการสำคัญของหนังสือ..เล่มนี้ประกอบด้วย..
*การควบคุมจิตใจ..ด้วยการทำสมาธิและการคิดบวก..เพื่อควบคุมจิตใจและอารมณ์..
*ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและมุ่งมั่นไปสู่จุดหมาย..โดยการกำหนดเป้าหมายที่ต้องการ กระทั่งมุ่งมั่นทำมันให้สำเร็จ..
*ฝึกฝน “ไคเซ็น” อันหมายถึงการปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่องในทุกๆด้าน..
*พัฒนาความมีวินัยในตัวเอง..สร้างวินัยในการใช้ชีวิต โดยการทำตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้..
*เคารพในเวลา โดยการใช้เวลาอย่างชาญฉลาด..ผ่านการตระหนักรู้ในการเห็นคุณค่าของเวลา..
*ยอมรับในปัจจุบัน..หยุดเป็นนักโทษของอดีต..เนื่องเพราะเวลาปัจจุบันนั้น..จริง..มีความหมาย และสัมผัสรู้สึกกับเราได้มากที่สุด..!
หนังสือแห่งความหมายเล่มนี้..ซ่อนนัยคำสอนแห่งนิทานเรื่องเล่าเอาไว้ในนิยายชีวิตที่ต้อง “จับความและตีความ” ..พระ ณ ที่นี้หมายถึงผู้รู้แจ้งในปัจจัยแห่งโครงสร้างของชีวิต..ว่าสมควรจะถอดรื้ออะไร..เพื่อปลูกสร้างนิยามใหม่ให้แก่ชีวิต..การพานพบกับวิถีสามัญแห่งการ พ้นอัตตา..จะทำให้ชีวิตได้ข้ามพ้นกิเลสในการสะสมสรรพสิ่งอันนับเนื่อง..มาจากพลังแห่งตัณหา..กระทั่งได้ตื่นรู้ในคุณค่าและดำเนินชีวิตด้วยความปล่อยวางที่สุขสงบ..เป็น “ทางสายงาม” ที่ทำให้ชีวิตสามารถเลี่ยงพ้นออกมาจากมายาคติ..ที่ท่วมท้นความเป็นยุคสมัยอยู่อย่างจมลึก..!
... “รถเฟอร์รารี่” รถยนต์ราคาแสนแพง สัญชาติอิตาลี..อาจจะเป็นบทบาทจำลอง ทำให้ชีวิตดูหรูหราเหนือคนอื่น..แต่มันก็ไม่สามารถโอบประคองจิตใจให้คงทนต่อภาวะอันเกิดแต่ภาวะสงครามอันซับซ้อนนานาภายใน ที่เกิดแก่ชีวิตได้..!
จนที่สุด ..การสัมผัสรู้ต่อการปล่อยวางอันรู้ตัวและถ่อมสุภาพ..ก็ได้กลายเป็นวิถีธรรมอันสูงค่า..ต่อการรับมาเป็นอาภรณ์อันสร้างค่าสูงส่งต่อชีวิตเหนือชีวิต..อย่างแท้จริง..! และ......การ “ก่อเกิดความหมายแห่งชีวิตของคนเรา..จักเกิดขึ้นได้ในท้ายที่สุด..จาก “หัวใจของความเข้าใจ” หยั่งเห็นในปัญญา ทดลองปฏิบัติด้วยศรัทธา..นั่นคือลักษณาการแห่งการมุ่งสู่ครรลองของจิตวิญญาณสำนึก..ที่สามมารถสร้างเสริมชีวิตใหม่ให้ค้นพบมิติแห่งการดำรงอยู่อย่างถาวรของชีวิตอย่างลงตัว..และสมควรจะเป็น..!”
“ชาร์มา” ..จัดเป็นกูรูด้านผู้นำ..ความคิดในคำสอนของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยสัดส่วนของประสบการณ์กับภาวะสัมผัสที่ซ้อนสลับความเป็นนิทานสู่นิยายอย่างเนียนแนบข้อคิดของเขาประหนึ่ง การวิเคราะห์ประสบการณ์ตรง..สู่เจตจำนงอันฝังลึกในชีวิต..
“เมื่อเราทุกคนต้องพบเจอ ..กับการแข่งขันที่น่าเบื่อ..เราก็ต้องเบื่อ ..แล้วทีนี้เราจะเก็บความฝันในชีวิตและใช้ชีวิตกันอย่างไร?..เขาได้สร้างให้ “แมนเทิล” ตัวเอกในเรื่องเล่าของเขา..เป็นภิกษุที่ฉลาดหลักแหลม..เป็นทนายความที่ได้รับการฝึกฝนในเทือกเขาหิมาลัยโดย “ปราชญ์แห่งศิวะ” และได้นำเอาบทเรียนชีวิตต่างๆมาสอนลูกศิษย์..
โดยบทเรียนของ “ชาร์มา” ครอบคลุมไปด้วยลัทธิลึกลับสายตะวันออก ที่ถูกถ่ายทอดผ่านคุณธรรมออกมาในรูปแบบที่แปลกต่างในแบบจำลองของ สวนแห่งชีวิตที่สวยงามและเต็มไปด้วยบรรยากาศอันสุขสงบ.. รวมทั้งถ่ายทอดผ่าน “เส้นทางแห่งเพชร.!”
.. “ผมแก่ตัวลงมากทีเดียวจากตอนที่ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในร้านถ่ายเอกสารที่เปิดตลอดทั้งคืน ขณะที่ทำงานเป็นทนายความ..
..และ ถึงผมจะสูญเสียวัยเยาว์ และ ความไร้เดียงสาไป แต่ผมก็ได้รับมุมมองที่กว้างไกล รวมทั้งประสบการณ์เป็นการตอบแทน ..
..ผมต้องบอกทุกคนว่า..แม้โลกของเราจะ ซับซ้อน ผันแปร และ เปราะบางมากขึ้นกว่าเดิม..
แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยไปที่อุทิศตนเพื่อแสดงถึงความกล้าหาญ ความดีงาม และ มนุษยธรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ผมเคยพบเจอมาตลอดชีวิต”..
คำให้การนี้..ถือเป็นความจริงใจของผู้เขียน “โรบิน เอส.ชาร์มา” ที่แสดงออกมาผ่านหนังเล่มที่ดีที่สุดในชีวิตการเขียนของเขามันคือ “บทเรียนเหนือบทเรียนแห่งชีวิต” ที่ทั้งทบทวนและแบกรับตัวตนแห่งตนของมนุษย์ ณ วันนี้ เอาไว้อย่างแท้จริง..!
“แพรพลอย มหาวรรณ” แปลและถอดความหนังสือเล่มนี้ออกมาอย่างลึกซึ้ง..และสื่อใจความเชิงลึกระหว่างโลกธรรมและศาสนธรรมได้อย่างกลมกลืน..และเห็นถึงข้ออันควรตระหนักรู้..
..เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อการทำให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือแห่งหนังสือเล่มนี้..ยิ่งงดงามและเจิดจรัสทาง..ปัญญาญาณมากขึ้น..! “..ทุกสิ่งในโลกนี้..ถูกสร้างขึ้นสองครั้งเสมอ..ครั้งเเรกในจิตใจ..และครั้งที่สองในโลกแห่งความเป็นจริง...!”