วันที่ 10 ก.ค.68 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่า...

เมื่อ 9 ก.ค. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยตั้งข้อพิรุธกับการเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร ที่บังเอิญหลายเรื่องเกิดขึ้นในวันเดียวกัน ทั้งถอนร่างพรบ.เอนเทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือบ่อนกาสิโน โชว์วิสัยทัศน์เวทีโอท็อปที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และแสดงความเห็นผ่าทางตันการเมืองที่เวทีเครือเนชั่นเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น

สิ่งสำคัญ การปรากฎตัวและเกิดสถานการณ์ในวันเดียวถึง 3 เหตุการณ์ คือ การพูดซอฟพาวเวอร์เพื่อยกระดับชื่อ รมว.วัฒนธรรมที่เป็นลูกสาว และการเคลียร์เรื่องราวต่างๆ รวมถึงความน่ากังขาภายใต้การถอนร่าง พรบ.บ่อนกาสิโน และประกาศตัดความสัมพันธ์พี่-น้องกว่า 30 ปีกับฮุนเซน เพราะทำให้ นายกฯ อุงอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เสียหาย ดังนั้น การออกโงครั้งนี้ ดูเหมือนทางการเมืองไม่ใช่เรื่องโดยบังเอิญ แต่น่าสงสัยว่า ได้จัดวางเตรียมการและจัดฉากที่สมจริงสมจังมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นการเล่นละครแล้ว คงเล่นได้เนียน ๆ กันมาก จึงเตือนคนไทยอย่าเพิ่งหลงเชื่อกับมายาภาพการเมืองเช่นนี้ของทักษิณ ให้เฝ้ารอดูอาการอีกสักพักว่า จะเกิดแรงกระแทกตามมาจากฝ่ายฮุนเซนและกัมพูชาหรือไม่

“ถ้าฮุนเซนเงียบ จึงน่าสงสัยว่า การถอนร่างกาสิโน เป็นการแลกเปลี่ยนอะไรหรือไม่ ซึ่งไม่ได้ว่าใคร เป็นเพียงตั้งข้อสังเกต เหมือนหลังเหตุการณ์ปี 53 ที่เราไปรบ แต่ทุกคน (ที่ต่อสู้กัน) ไปอยู่ในห้องเดียวกันที่ฮ่องกง ผมตกใจและคาดไม่ถึงเลยว่าเป็นพวกเดียวกัน แล้วไปรบเสี่ยงตายกันทำไม”

พร้อมสงสัยว่า ทักษิณ เลือกมาแตกหักและเคลียร์ทุกเรื่องราวในวันเดียวกันนั้น สิ่งสำคัญต้องรอเฝ้าดูอาการของฮุนเซนด้วย ถ้ายังเงียบกริบก็เข้าใจว่า มีการแลกกับกาสิโนหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดมันจะมาบังเอิญอะไรในวันเดียวกัน ถ้าฮุนเซนซัดกลับแสดงว่า ไม่ได้แลกผลประโยชน์กัน

นายจตุพร กล่าวว่า ประชาชนไม่ควรผลีผลามกับฉากการเมืองที่เกิดขึ้น ยิ่งการอ้างเหตุถอนร่าง พรบ.บ่อนกาสิโน เพราะมี ครม.เข้ามาใหม่ ซึ่งฟังไม่ขึ้นเลย หรืออ้างทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ดีพอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกศึกษาและทำความเข้าใจกับประชาชนมาดีแล้ว ขนาดประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เคยเตือนไว้ ก็ยังไม่ถอน ดังนั้นรอบนี้เราอย่าโง่ ต้องเฝ้ารอดูกันต่อไป

ส่วนกรณีคลิปเสียงนายกฯ อุ๊งอิ๊ง กับฮุนเซน หลุดนั้น ทักษิณ บอกกัมพูชาโทรศัพท์มาหานายกฯอุ๊งอิ๊งเอง ซึ่งขัดกับคำพูดของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง และคนเข้าใจว่า ผอ.ฮวด ลามและคนสนิทของฮุนเซน อยู่กัมพูชา แต่ทักษิณบอกอยู่ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพ ดังนั้น อย่าเพิ่งเชื่อว่า ทักษิณ จะแตกหักฮุนเซน เพราะการพูดของทักษิณนั้นรุนแรงมาก ย่อมทำให้ฮุนเซนโกรธแน่นอน

"(ถ้าไม่เป็นมายาการเมือง) ฮุนเซนต้องเปิดรายชื่อ 7 นักการเมืองฝากเงินในกัมพูชา และทยอยปล่อยคลิปเสียง มีกี่คลิป เปิดมาเลยวันละคลิป แต่ถ้าฮุนเซนเงียบกริบแสดงว่า แลกกับกาสิโน"

อีกทั้งกล่าวว่า แม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถอนร่าง พรบ.กาสิโนไปแล้ว แต่การพนันออนไลน์ยังเถื่อน ไม่ถูกกฎหมายและไทยยังไม่ปราบปรามอย่างจริงจัง โดยปล่อยให้คนไทยตกเป็นเหยื่อเล่นกันอยู่นั้น จึงเข้าข่ายน่าสงสัยที่สุด ส่วนรายได้หลักกาสิโนอีกอย่างคือ การฟอกเงิน

อย่างไรก็ตาม ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับฮุนเซนยังดีกันอยู่ ย่อมสงสัยอีกว่า ทักษิณบอกมีการวางแผนอัดคลิปนั้น มาจากสาเหตุอะไร แล้วอยู่ดีๆ มาถอน ร่าง พรบ.กาสิโน จึงเป็นเรื่องแปลก ยิ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีจีนเตือนถึง 3 ครั้ง จนส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปถึง 90% แต่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ยังไม่ฟัง

ส่วนความร่วมมือกับพรรคประชาชนหรือพรรคส้มหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า คำพูดของทักษิณมักเน้นบอกช่วงเวลาว่า“ตอนนี้”จะไม่ร่วม และอ้างยึดหลักการจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหายให้กับสถาบันกษัตริย์ เท่ากับเหน็บแนม แดกดันพรรคประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

อีกทั้งย้ำว่า การเมืองรอบนี้มีความน่าสงสัยทุกเรื่องราว รวมทั้งคำประกาศเป็นนายกฯ ของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ คนที่สามของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น การเมืองถึงทางตันหรือไม่ ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แต่ต้องเข้าใจว่า ทักษิณ พูดเน้นถึงแต่การเมือง“ตอนนี้” และสิ่งสำคัญต้องจับตาฮุนเซนจะเงียบและใช้การเมืองท่าหมอบกราบหรือไม่กับอาการดุดันท่ารบของทักษิณ

“ถ้าพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) สมเด็จฮุนเซน ฟาดกลับตั้งแต่เช้า เปิดเผย 7 รายชื่อนักการเมือง พร้อมจำนวนเงินเท่าไร เข้ามาอย่างไร มีคลิปอย่างไร ผมว่าเราจะเห็นสงครามการเมืองของ 2 ครอบครัวดุดันขึ้น เป็นศึกล้างแค้นกันของตระกูลชินกับฮุนเซน แตว่าถ้าไม่มีอะไรเลย คงคิดเป็นอื่นไม่ได้แล้วว่า มีการแลกผลประโยชน์หลังฉากกันหรือไม่”

พร้อมกล่าวว่า เมื่อทักกษิณเน้นคำว่า “ตอนนี้” ไม่เป็นเพื่อนกันแล้ว ซึ่งจะเชื่อถืออะไรกับคำพูดแบบนี้ เพราะแต่ก่อนด่าพรรคประชาธิปัตย์แล้วถูกซัดกลับจนเสียผู้เสียคนก็จับมือกันได้ โจมตีพรรคภูมิใจไทย ด่าไล่หนูตีงูเห่ายังจับมือตั้งรัฐบาลกันได้ แล้วกล่าวหาพรรครวมไทยสร้างชาติ และกับพรรคพลังประชารัฐ ถึงกับด่าเพ้อเจ้อ เลอะเทอะ รวมถึงด่ากับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ทุกเรื่องราวเหล่านี้ มันไม่มีอยู่จริงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกันเลย

ไม่เพียงเท่านั้น ในอดีตเคยประกาศกับคนเสื้อแดงว่า เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นจะเข้ามานำการต่อสู้ แต่ทหารยิงไป 2 แสนกว่านัด ประชาชนตายเป็นร้อยก็ไม่เข้ามา แล้วยังถีบหัวเรือส่งขึ้นฝั่ง ซึ่งทุกอย่างที่พูดมันมีข้อสรุปอย่างเดียวว่า ไม่น่าเชื่อถือเลย

“วันนี้ (9 ก.ค.) สิ่งไม่น่าเชื่อถือมันบังเอิญเกิดขึ้นในวันเดียวกันอีก คือ วันที่ถอยในเรื่องบ่อนกาสิโน แล้วซัดกลับเอาคืนในหลายอย่างพอหอมปากหอมคอ การเมืองมันแสดงมายากันแบบนี้ มีบางครั้งอยู่ในห้องกระแทกกันรุนแรง ออกนอกห้องหัวเราะกันคิกคักให้คนเห็น ดังนั้น ถ้ากัมพูชา ไม่เล่นเกมหนักฟาดกลับ มีคลิปก็ไม่เปิด มีรายชื่อก็ไม่ทำ อันนี้น่าสงสัยว่า สำเร็จแล้ว เพราะบ่อนกาสิโนเลิกไปแล้ว”

นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันนี้ ตนไม่ต้องการให้คนไทยตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหญ่จนวิตกจริตกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะในอดีตเรื่องแบบนี้ ตนเคยเห็นและถูกกระทำมาหลายครั้งครา จนไม่รู้ว่าอะไรเท็จอะไรจริง ดังนั้น เพื่อความถูกต้องแล้ว ต้องไม่เชื่อไว้ก่อน

ส่วนกรณีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการเอาประชาชนบังหน้าหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดจะมีการซื้อสัมปทานแล้วให้เอกชนบริหารชั่วกัปล์ชั่วกัลป์ แต่ละเรื่องซ่อนผลประโยชน์อื่นใดทั้งสิ้น แล้วให้ประเทศและประชาชนเป็นภาระ แต่ทำดูเหมือนช่วยประชาชน ดังนั้น ประชาชนไม่ควรโง่ให้ใครหลอกอีก

"เมื่อไปซื้อสัมปทานแล้ว ทำไมไม่บริหารกันเอง แต่การยกให้เอกชนจัดการ สมมุติอีก 5 ปีครบอายุสัมปทาน ก็ไปซื้อมาในระยะเวลานั้น และให้เขาบริหารต่อช่วงซื้อสัมปทาน 5 ปีนั้น และจ้างบริหารต่อหลังจาก 5 ปีไปแล้ว ถามว่าใครได้ประโยชน์ ก็เห็นกันอยู่ โดยเอาประชาชนมาตบตากับนโยบายที่ประกาศทำทันทีแล้วทำชุ่ยไง โดยอ้างว่าทำให้แล้ว ก็เหมือนจำนำข้าว สุดท้ายผลลัพธ์ใครเป็นคนได้”

นายจตุพร กล่าวถึงการเจรจาภาษีทรัมป์ ว่า มีการอ้างสนิทสนมรู้จักกันประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐ และยังอ้างได้พูดคุยคนรอบข้างไว้แล้ว รวมถึงไทยยังจ้างล็อบบี้ยิสต์นับร้อยล้านบาทเข้ามาช่วยเจรจา แต่ผลออกมาไม่ได้ประโยชน์จากภาษีทรัมป์เลย ไทยยังถูกเรียกเก็บภาษี 36% คงเดิม ซึ่งมากกว่าเวียดนามถึง 16% และสูงกว่ามาเลเซีย 11% ดังนั้น การหารายได้เพิ่มจากการส่งออกจึงยากที่สุด

อย่างไรก็ตาม สหรัฐเป็นประเทศรายใหญ่ที่ไทยส่งออกมากถึง 18.3% คิดเป็นมูลค่า 5.5 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ หากเบื้องต้นไทยเสียภาษีถึง 36% ทำให้เสียหายต่อเนื่องจากการส่งออกสินค้ามากถึง 2-3 แสนล้านบาท

“เมื่อเรื่องนี้ หมดเงินไปกับจ้างล็อบบี้ยีสต์ ทั้งโม้และทำไม่สำเร็จ คณะเจรจาทีมไทยแลนด์กลับมามือเปล่าจึงเป็นความผิดพลาดอย่างแรงนับแต่เกิดกรณีอุยกูร์ที่ถูกนำมากดดันและยกเลิกให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าสหรัฐ แล้วตามด้วยถูกแรงกดดันจากสหรัฐซ้ำอีกในการเจรจาภาษีทรัมป์ นอกจากนี้อาจถูกกดจากสหภาพยุโรปในกรณีเจรจาเอฟทีเอ ดังนั้น ถ้าไม่เปลี่ยนรัฐบาล ประชาชนต้องแบกรับภาระเช่นนี้ต่อไป”

นายจตุพร กล่าวว่า การเจรจาใหม่เพื่อลดภาษีก่อนสหรัฐประกาศใช้ภาษีทรัมป์ 1 ส.ค.นี้ เป็นเรื่องที่ลำบากมาก ดังนั้น ทั้งจ้างล็อบบี้ลีสต์ เสียค่าจัดงานซอฟพาวเวอร์ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 55 ล้าน และก่อนหน้านี้งบประมาณซอฟพาวเวอร์ 5,000 ล้าน ค่าใช้จ้างเหล่านี้จึงเป็นการสูญเปล่าภายใต้การบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ประเทศไทยต้องมาก่อน