สภาฯระอุ! “ภท.” ขวางถอน “ร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ” จี้ดึงมาลงมติในสภาฯ ข้องใจเป็นดีลลับจากคลิปเสียง ก่อนมีมติ 253 เสียงไฟเขียวถอนร่าง “สถานบันเทิง”ด้าน“แพทองธาร” โต้เดือด “อนุทิน” ใส่สีตีไข่ ปมเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ย้อนถามปมแฉ “ผู้นำจีน”เตือนนักท่องเที่ยวเข้าไทย เป็นเรื่องความปลอดภัย ส่วน“อนุทิน”ปัดปูด “สี จิ้นผิง” ไม่พอใจไทยจ่อผุด “สถานบันเทิง” ทำนักท่องเที่ยวจีนลด ลั่นไม่เคยใช้ประเด็นนี้ต่อรองเก้าอี้ รมต.
เมื่อเวลา11.00น. ที่รัฐสภา วันที่ 9 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหนังสือมาถึงสภาฯ เมื่อ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ขอถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากระเบียบวาระ
ทั้งนี้การถอนร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายว่า ไม่คัดค้านต่อการถอนร่างกฎหมายดังกล่าว และไม่จำเป็นต้องขอมติ เนื่องจากไม่มีความเห็นแย้ง แต่ตนขอคำยืนยันจากรัฐบาลว่า หากถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปแล้ว จะไม่เสนอกลับเข้ามาสู่สภาฯ อีก
จากนั้น นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติคัดค้านการถอนร่างดังกล่าวและขอคำชี้แจงจากรัฐบาล ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชี้แจงเหตุผลว่าเพราะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งครม. ชุดใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรี 14 ตำแหน่ง ดังนั้นจึงเป็นความเหมาะสมให้ครม. ที่เป็นชุดใหม่ ได้โอกาสทบทวนเพื่อพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังทำเรื่องให้ ครม. พิจารณายอมรับว่ามีความไม่เข้าใจจากสังคม ดังนั้นต้องให้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ ขณะเดียวกันการปรับเปลี่ยนกฎหมายเป็นสิทธิที่ชอบธรรมของ สส.ที่จะปรับเปลี่ยนให้รัดกุมเหมาะสม แต่ไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ว่ากฎหมายมีปัญหา ตนยืนยันว่าหลักการและเหตุผล เชื่อว่าเป็นประโชน์กับสังคม
อย่างไรก็ดี นายภราดร อภิปรายโต้แย้งว่า การประกาศเดินหน้าก่อนนั้นเป็นเพราะมีดีลลับตามคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่มาหรือไม่ ตนมองว่าเหตุผลของการถอยเป็นเหตุผลทางการเมือง ที่บอกว่า ครม. เปลี่ยน แต่ขณะนี้ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคลังไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจมีเปลี่ยนเฉพาะรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย 8 คน และไม่มี 69 เสียงของภูมิใจไทยอยู่ฝั่งรัฐบาล ที่บอกว่าหากมีเวลาเหมาะสมจะกลับมา หมายถึงว่าได้เสียงจากการดีลงูเห่าเรียบร้อยเสียงเพียงพอที่จะผ่านร่างกฎหมายใช่หรือไม่
“ก่อนลงมติ ขออย่าบิดเบือนเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ให้ยอมถอน ทั้งที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน ผมยืนยันจุดยืนเดิมคือไม่เห็นด้วย และไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน แต่ที่ต้องการให้พิจารณาต่อ เพื่อแสดงจุดยืนให้เห็นว่าการถอนออกไปนั้นไม่เท่ากับการยกเลิก และไม่อยากเห็นนโยบายเรื่องดังกล่าวเข้าสู่สภาต่อไป ดังนั้นจำเป็นต้องเดินหน้าพิจารณาลงมติไม่เห็นด้วย เพื่อถอนรากถอนโคนกฎหมายดังกล่าว ” นายภราดร กล่าว
นายภราดร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศมหาอำนาจมีความพยายามแซงชั่นนโยบายกาสิโนของรัฐบาล และพรรคภูมิใจไม่ต้องการเห็นนโยบายดังกล่าวเดินหน้า หากจะให้ตนเห็นด้วยกับการถอนร่างกฎหมาย รัฐบาลต้องยืนยันกับประชาชนว่าในสภาชุดที่ 26 จะไม่พิจารณาร่างกฎหมายที่พ่วงกาสิโนได้ ตนจะไม่ติดใจ หากมีการเลือกตั้งขอให้รัฐบาลนำนโยบายนี้หากเสียง หากชนะเลือกตั้งค่อยกลับมาเสนอ
ทำให้นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ไม่มีดีลลับต่อการทำเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯโดนเแอบอัดเทป ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับประชาชน ส่วนดีลกินข้าว ไม่รู้คุยอะไร แต่ประเด็นนี้ไม่มี ทั้งนี้แม้ว่ารัฐมนตรีทีดูแลกระทรวงการคลังจะไม่ถูกเปลี่ยนตัว แต่เมื่อกระทรวงอื่นเปลี่ยนรัฐมนตรีทีดูแล จึงมีสิทธิทบทวนกฎหมายได้เป็นปกติ
“ที่บอกว่าจะเสนอมาอีกหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ ท่านเคยเป็นรองประธานสภาฯ ต้องมีความรู้เพียงพอ เพราะให้ตอบที่ตอบไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของครม. แต่ที่บอกว่าให้เดินหน้าโหวตตก ท่านก็ทราบว่าเมื่อกฎหมายตกในสมัยนี้ สมัยหน้ายื่นได้อีก ไม่ใช่ว่าตีตกแล้วจะพิจารณาไม่ได้ตลอดชาติ ทั้งนี้ที่มีการกล่าวอ้างเมื่อคืน และนายอนุทิน ชาญวีรกูลได้โพสต์เรื่องการพูดคุยกับผู้นำระหว่างประเทศ ต้องทราบโดยมารยาทว่าไม่สามารถนำออกมาจากที่ลับสู่ที่แจ้งได้ทั้งนี้ยืนยันว่าครม. บริหารประเทศโดยยึดประเทศ ไม่ได้พิจารณาจากปัจจัยภายนอกแน่นอน” นายจุลพันธ์ ชี้แจง
รมช.คลัง ชี้แจงด้วยว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอสู่สภาฯ หลายเดือน วันที่เข้ามาแม้องค์ประกอบ ครม. แตกต่างเพราะมีบางพรรคถอนตัว บางพรรคยังอยู่ในรัฐบาล แต่วันที่นำเสนอ พรรคท่านร่วมนำเสนอและโดยผู้บริหาร
“หากบอกว่าไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น แต่การนำเสนอต่อสื่อ ยังบอกว่าเห็นดีเห็นงาม วันนี้เปลี่ยนรัฐบาล การตัดสินใจเปลี่ยนความคิดได้ผมยอมรับ เพราะต้องเปลี่ยนตามกาลเวลา แต่วันนั้นบอกสนับสนุนเพื่ออยู่ในตำแหน่งรัฐบาลแม้ไม่เห็นด้วยยกมือให้ใช่หรือไม่ ทำไมวันที่ไม่เห็นด้วยไม่ถอนตัวออกไปตั้งแต่วันนั้น ดังนั้นวันนี้ลองถอยมาก้าวหนึ่งเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร” รมช.คลัง
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ใช้สิทธิพาดพิง เพื่อชี้แจงประเด็นรวมรับประทานอาหารกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า ไม่ใช่ดีลร่วมรัฐบาล ไม่มีพฤติกรรมตระบัดสัตย์ ตนแปลกใจว่าการกินข้าวของตน เขย่ารัฐบาลให้สะเทือน และสร้างความเปราะบางให้รัฐบาลได้อย่างไร
“ผมไม่เคยนึกว่า ต้องนำประเด็นนี้ ดิสเครดิตกัน สิ่งที่ต้องการรู้ คือจะเอากฎหมายฉบับดังกล่าวกลับเข้ามาหรือไม่ตอบให้เคลียร์และชัด ไม่ใช่ว่าเสียงไม่พอ มีปัญหาองค์ประชุม ขอกลับไปตั้งหลักให้เข้มแข็ง และเสนอใหม่ ปัญหาและเหตุผลที่ไล่เรียงมานั้นฟังไม่ขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
ต่อมา เวลา 12.55 น. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในขณะนั้น ได้ขอมติที่ประชุม ว่าจะยินยอมให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจรหรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกจากระเบียบวาระการประชุมหรือไม่ โดยปรากฎว่า จากจำนวนสมาชิก 318 เสียง เห็นด้วย 253 เสียง ไม่เห็นด้วย 67 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 0 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมมีมติยินยอมที่จะถอนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ออกจากระเบียบวาระการประชุม
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความระบุว่าเห็นด้วยกับการถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือพ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่เห็น ด้วยกับเรื่องดังกล่าว ว่า ทุกประเทศมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง และมีข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซึ่งใครก็รับฟัง โดยขณะนั้นในระหว่างการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ นาย สี จิ้นผิง ได้พูดถึงเรื่องการทำกาสิโนของไทย แต่ได้อธิบายไปว่า ของประเทศไทย เป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ มีกาสิโนเพียงแค่ 10% เท่านั้น และเห็นว่าสิงคโปร์ทำแล้วประสบความสำเร็จ หรือแม้แต่มาเก๊า ที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ก็ประสบผลสำเร็จ และประเทศที่ใกล้เคียงกันหากมีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ก็ต้องเป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว เมื่อเวลานำมาเล่าอีกรูปแบบหนึ่งก็ใส่สีตีไข่กันไป ซึ่งความจริงแล้วเป็นแค่คำแนะนำ และได้ถามกลับไปที่ผู้นำจีนด้วยว่ามีความคิดเห็นเรื่องนักท่องเที่ยวจีนอย่างไรด้วย
เมื่อถามว่า นายอนุทินระบุว่า นายสิ จิ้นผิงได้ออกมาเตือนถึง 3 ครั้ง และหากยังดำเนินการต่อจะมีการปรับมาตร การเรื่องการท่องเที่ยว รวมถึงนักท่องเที่ยวจีน ที่ลดลงส่วนใหญ่กว่า 90% มาจากเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร ถามกลับว่า “อ้าว ท่าน มท.1 เพิ่งออกไปได้ไม่นาน ลืมไปแล้วหรือ ว่า ที่นักท่องเที่ยวไม่เที่ยวไทยเป็นเพราะเรื่องความปลอดภัย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย การที่นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้ามาในช่วงโลซีซั่นที่ลดลง 30% แต่มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเข้ามาเติมเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศจีนมีมาตรการเที่ยวภายในประเทศด้วย ซึ่งความจริงแล้วมีปัญหาหลายเรื่องทั้งเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ การตัดน้ำ การตัดไฟ ตัดเน็ต เมื่อจะตัดก็ตัดยาก ต้องสั่งแล้วสั่งอีก ไม่ทราบว่าได้จดหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น”
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นายสี จิ้นผิงพูดก่อนที่จะอธิบายว่า ไม่ได้ชอบกาสิโน และประเทศไหนที่มีกาสิโน ก็จะดูว่าคนจีนที่ไปนั้นเป็นอย่างไร ไม่ได้บอกว่าจะปรับมาตรการ และยังได้ถามกับผู้นำจีนไปว่ามีการกำหนดเงื่อนไขอะไรในการเดินทางเข้าประเทศ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ปิดประตูอะไร พร้อมรับฟังคำแนะนำอยู่แล้ว เมื่อเดินทางไปทั่วโลกก็ต้องพร้อมรับฟัง ว่าแต่ละประเทศมีนโยบายอะไร อะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ ทุกประเทศได้พูดคุยกันอยู่แล้ว ว่า มีอะไรที่จะเอื้อเฟื้อ หรือปรับกันได้ เมื่อมีการนำมาเขียนแบบนี้ก็ดูเป็นการใส่สีเข้าไป ซึ่งความจริงแล้วเรื่องในต่างประเทศก็มีบันทึกอยู่
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะแค่ถอนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว หรือ รอสถานการณ์ดีขึ้นแล้วนำกลับมาเสนอใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามมติของสภาผู้แทนราษฎร ว่าพูดคุยอะไรกัน บางเรื่องขออนุญาตไม่ตอบเนื่องจากไม่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่ที่ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ เพราะขณะนั้นเป็นคนไปปฎิบัติหน้าที่เอง
เมื่อถามว่าได้ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ เหตุใดนายอนุทิน ถึงนำเรื่องนี้มาเปิดเผยในวันนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ให้ประชาชนสังเกตได้เลย ว่าเอนเตอร์เทนคอมเพล็กซ์ ก่อนหน้านี้ที่เคยคุยกัน ทราบอยู่แล้วมีเรื่องการติดขัด กับพรรคภูมิใจไทย และเคยคุยกันว่าไม่ต้องการให้เป็นกฎหมายพิเศษ ต้องการเพียงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโน เพราะเห็นว่า หากไม่มีแล้วใครจะมาลงทุน และหากกระทรวงมหาดไทย มีอะไรติดขัด ก็สามารถออกร่างพระราชบัญญัติการพนันได้ และไม่ทราบ ว่า หากเอากฎหมายพิเศษเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์อาจจะขัดกฎหมายหรือไม่
เมื่อถามว่า การเดินทางเข้ามายังรัฐสภาในวันนี้ เพื่อต้องการมาคุมเสียงในการประชุมสภาหรือไม่ เนื่องจากเสียงของฝั่งรัฐบาลปริ่มน้ำ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ”เป็นรัฐมนตรี คุมไม่ได้“
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอบโต้ นส.แพทองธารว่า ไม่ได้แฉ แฉที่ไหน เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม เป็นเพราะนักท่องเที่ยวไม่เชื่อมั่นเรื่องปลอดภัยในช่วงที่ผ่านมา ที่ต้องดูแลโดยกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หลายๆเรื่องประกอบกัน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ดูตำรวจ และตำรวจท่องเที่ยวก็ไม่ได้ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในสมัยที่ตนเป็นรมว.มหาดไทย ก็ได้รับการกำชับว่าจะต้องอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวให้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย และความเป็นธรรมทุกๆอย่าง
เมื่อถามว่า นายกฯระบุว่าการที่ออกมาโพสต์ข้อความแบบนี้เป็นการใส่สีตีไข่มากเกินไป นายอนุทิน กล่าวว่าไม่มี ตนไม่เคยใส่สีตีไข่ มีแต่เรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง แล้วจริงๆที่ตนเขียนเพื่อเป็นกำลังใจให้รัฐบาลถอนร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไป โดยเป็นการถอนแล้วถอนเลย ไม่ใช่ถอนแล้วนำกลับมาใหม่ ถ้าจะพิจารณาก็ให้พิจารณาวันนี้เลย ซึ่งท่าทีของพรรคภูมิใจไทยเป็นแบบนี้มาตลอด
เมื่อถามว่า ต้องฟังเหตุผลของรัฐบาลในการถอนตามกฎหมายดังกล่าวออกไปก่อนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในเมื่อร่างกฎหมายเข้ามาแล้วถ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เลื่อนจากลำดับท้ายสุดมาเป็นลำดับแรก ถ้ามั่นใจก็พิจารณาร่วมกันไปเลย ผลออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นแบบนั้น
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงมีการเปิดเผยในสาระสำคัญที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้พูดคุยกัน นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่ได้เปิดเผย แค่จะบอกว่าถ้าวันนี้รัฐบาลจะถอนร่างกฎหมายดังกล่าว จะต้องแถลงว่าถอน และยกเลิกนโยบายนี้ไปเลย พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะโหวตช่วยสนับสนุนให้การถอนญัตตินี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ไม่เห็นด้วย กับสถานบันเทิงครบวงจร เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับในส่วนที่เป็นกาสิโนเท่านั้น ถ้าสถานบันเทิงครบวงจรยังจะเดินต่อไปก็ยินดี ที่จะให้การสนับสนุน ต่อให้เป็นฝ่ายค้านก็จะสนับสนุน” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า มีการพาดพิงว่าก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทย ยกมือให้กฎหมายฉบับนี้เป็น เพราะอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ถ้าอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรี เราก็คงไม่ถอนตัว เราอยากทำงานในฐานะที่เป็นรัฐบาล และในฐานะผู้บริหารราชการแผ่นดิน แต่ข้อตกลงที่เราได้มีกันไว้ มีการผิดข้อตกลงเราก็ออกมา เพราะฉะนั้นคำว่าอยากต้องไม่พูดแล้ว ถ้าอยากป่านนี้ก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมขึ้นเวทีเอ็กซ์คลูซีฟทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิดร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย ของเครือเนชั่น วันนี้ (9 ก.ค.) คาดหวังการแสดงออกประเด็นทางการเมืองประเด็นทางการเมือง ว่า ตนได้ติดตามการแสดงวิสัยทัศน์ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไปแล้ว ซึ่งถามว่าคาดหวัง และอยากเห็นอะไรจากนายทักษิณ หากเป็นเฉพาะในส่วนของซอฟต์พาวเวอร์ ตนคาดหวังเรื่องการลงทุนในต้นทุนของวัฒนธรรม เพราะที่ผ่านมาเราเห็นการดำเนินการนโยบายเรื่องซอฟต์พาวเวอร์เป็นการจัดอีเวนท์ต่างๆ เหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ที่สำคัญคือการลงทุนต่างๆ หรือนำวัฒนธรรมที่เรามีอยู่ไปทำให้เกิดประโยชน์ เช่น สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับย่านสร้างสรรค์ หลายๆ ย่านทั่วประเทศไทย และจริงๆ แล้วในแต่ละหัวเมืองของเรามีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์พยายามที่จะประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีการตั้งงบประมาณในการพัฒนาย่านสร้างสรรค์แต่ละย่านในแต่ละหัวเมือง
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า โดยที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้รับความร่วมมือกับท้องถิ่นหรือกระทรวงมหาดไทย ในเมื่อตอนนี้พรรคเพื่อไทย (พท.) ขึ้นมาคุมกระทรวงมหาดไทย และถือเป็นนโยบายเรือธงในการที่จะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ตนอยากส่งข้อแนะนำและอยากเห็นพรรค พท.นำผลการศึกษาที่หน่วยงานของไทยได้ศึกษาไว้ มาลองลงทุนดู ในการที่จะปลูกเมืองสร้างสรรค์ในประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง รวมถึงอยากให้มีการใช้งบประมาณให้ถูกจุดมากกว่าการจัดอีเวนท์ธรรมดา
เมื่อถามว่า การปรากฏตัวของนายทักษิณในช่วงนี้จะสามารถประเมินเสถียรภาพของรัฐบาลได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอดูการแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ของนายทักษิณว่าจะสามารถสามารถกอบกู้ภาพลักษณ์ได้หรือไม่ แต่หากคิดในทางกลับกัน ช่วงหลังที่มีความขัดแย้งสูงในพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ก่อนที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะถอนตัวออกมา ก็จะเห็นบทบาทของนายทักษิณที่ออกมาปรากฎตัวตามหน้าสื่อต่างๆ น้อยลง ฉะนั้น ในตอนนี้ที่นายทักษิณกลับมาปรากฎตัวตามหน้าสื่ออีกครั้ง ก็ต้องรอดูว่าท่านจะแสดงวิสัยทัศน์อย่างไร
เมื่อถามต่อว่า คาดหวังว่าจะได้เห็นประเด็นตอบโต้สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าเวลานายทักษิณขึ้นเวทีจะมีประเด็นทางการเมืองอยู่ด้วย ฉะนั้น ในครั้งนี้คงต้องรอติดตามดูว่าจะมีประเด็นทางการเมืองหรือการแสดงวิสัยทัศน์ที่สร้างทางออกให้ประเทศอย่างไร เราต้องรอดู
เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการที่ศาลไทยออกหมายจับนายก๊ก อาน เจ้าของคราวน์กาสิโนในเมืองปอยเปต ซึ่งมีการโยงถึงนายทักษิณ มองว่าจะทำให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานยากขึ้นหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นความเห็นของตนต่อกรณีดังกล่าว สิ่งที่ไทยสามารถกดดันสมเด็จฮุน เซน ได้เช่นกัน คือเรื่องของการสื่อสาร เพราะการที่เขาออกมาสื่อสารเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเขาอ่อนไหวต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ฉะนั้น อำนาจต่อรองหากเราใช้เป็น หรือใช้การสื่อสารในเรื่องของพลังสื่อมวลชน ที่เราต้องการดำเนินการว่าในการสื่อสารที่เราต้องการดำเนินการคือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนคิดว่าจะสามารถกดดันกัมพูชา ในการที่จะกลับเข้าสู่การเจรจาในทางที่ถูกต้องมากขึ้น ไม่ใช่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วทำให้เกิดปัญหาที่มีผลกระทบเกิดขึ้นตามมาเหมือนในอดีต