สภาฯ ลุยถก ร่างกม.ล้างผิดการเมือง “รังสิมันต์”  แจงต้องเปิดกว้างการนิรโทษกรรม-ไม่เลือกปฏิบัติ ชี้คนโดนคดี 112 ถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ วอนสภาฯ ทบทวนโหวตต่ำ เชื่อจะเป็นทางออกของสังคมไทย ด้าน “ภท.” ย้ำไม่หนุนนิรโทษกรรม 112 เหตุสังคมไม่เอาด้วย หวั่นชุมนุม เตือนสติ อย่าเอาบางกรณีพัวพันทำให้ทุกกรณีต้องตกขบวน เหมือนเหตุนิรโทษกรรมสุดซอย ด้าน "จุรินทร์" ยัน จุดยืน "ปชป.2 ข้อ"  ค้านไม่เห็นด้วยแก้มาตรา 110 -112 ขณะที่ “พิเชษฐ์” ปิดประชุมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

วันที่ 9 ก.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้เข้าสู่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข และร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมี สส.และภาคประชาชนเสนอรวม 5 ฉบับ ได้แก่  ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... เสนอโดย นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... เสนอโดย นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. .... เสนอโดย พรรคประชาชน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. .... เสนอโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน และ ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... เสนอโดย นายอนุทิน ชาญวีรกุล  สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ซึ่งเป็นฉบับที่เสนอเข้ามาใหม่และยังไม่ได้บรรจุในระเบียบวาระ แต่ประธานในที่ประชุมอนุญาติให้นำมาพิจารณาในคราวเดียวกันได้

ทั้งนี้ในการอภิปรายเสนอร่างกฎหมาย ตอนหนึ่งของนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า การนิรโทษกรรมจำเป็นต้องเปิดกว้างให้มากที่สุด และไม่ต้องการเลือกปฏิบัติ ดังนั้นในร่างกฎหมายของพรรคประชาชนจึงไม่ได้กำหนดฐานความผิดหรือคดีตามมาตราใด ขณะที่ช่วงเวลาไม่ได้กำหนดเวลาสิ้นสุดเพราะที่ผ่านมามีการใช้นิติสงครามเล่นงานประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง  และใช้เครื่องมือกฎหมายหลายรูปแบบตั้งแต่ที่รุนแรงที่สุดคือ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงกฎหมายความสะอาด หรือการไม่พกบัตรปรระชาชน กลั่นแกล้งประชาชนที่เห็นต่าง สิ่งที่พรรคประชาชนต้องการสะท้อน คือ การนิรโทษกรรมการเมืองจะสำเร็จได้ หรือใครจะได้รับการนิรโทษกรรมบ้าง  สิ่งสำคัญคือบรรยากาศการเมือง ที่สามารถพูดคุยเจรจาของฝ่ายต่างๆ ได้

 “คนที่โดนคดี 112 นั้น พบว่าการตั้งข้อหาหลายครั้ง เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ดูข้อเท็จจริงและรายละเอียด ไม่ดูพยานหลักฐาน ไม่ได้ให้ความเป็นธรรม ทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่อยๆ ยอมรับว่าเนื้อหาของร่างกฎหมายที่เสนอเป็นทที่ไม่สบายใจของ สส.และหลายฝ่าย แม้จะเขียนกว้างๆ และไม่ได้ระบุว่า มีกฎหมายใดบ้างที่ได้นิรโทษกรรม แต่หลายฝ่ายพยายามบอกว่า หากรวมมาตรา112 และไม่โหวตให้ ผมมองว่าหากติดกรอบแบบนี้ สังคมจะคลี่คลายความขัดแย้งได้จริงหรือไม่ ซึ่งผมขอให้ทบทวน เพราะเชื่อว่าจะเป็นทางออกให้สังคมไทย” นายรังสิมันต์ อภิปราย

นายรังสิมันต์ อภิปรายต่อว่าในกลไกของร่างกฎหมาย ได้กำหนดให้มีกรรมการกลางที่ประกอบด้วย ตัวแทนจากศาล รัฐสภา และรัฐบาล เพื่อพิจารณาว่าคดีใดที่เข้าข่ายการนิรโทษกรรมบ้าง ดังนั้นขอให้สบายใจว่าหากร่างกฎหมายของพรรคประชาชนผ่าน ไม่ใช่ว่าพรรคจะกำหนดว่าใครจะได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ แต่เป็นเรื่องกรรมการพิจารณา และตนมองว่าจุดนี้คือความเป็นธรรม

ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เสนอเนื้อหาของร่างกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย ตอนหนึ่งว่า ฉบับของพรรคภูมิใจไทย มีเนื้อหาตรงกับฉบับของนายวิชัย และนายปรีดา โดยหลักใหญ่นิรโทษกรรมผู้ที่กระทำผิดจากการชุมนุมทางการเมือง เว้นไม่นิรโทษกรรมให้ 4 กลุ่ม คือ กลุ่มทำผิดมาตรา 112 กลุ่มทำผิดคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และกลุ่มที่ถูกดำเนินคดีอาญาร้ายแรงถึงชีวิต และกลุ่มที่ก่อความเสียหายให้กับเอกชน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรม จะไม่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะกลุ่มคนการเมือง หนีไม่พ้นเกิดอคติหรือเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใด และมีเพียงคนในกระบวนการของศาลยุติธรรม ซึ่งต่างจากฉบับของนายวิชัยและนายปรีดา ที่กำหนดให้มีตัวแทนของฝ่ายการเมือง คือ รัฐบาล สส. และสว. ร่วมพิจารณา

“พรรคภูมิใจไทย แสดงจุดยืนว่าคนที่ละเมิดหรือทำผิด มาตรา 112 ไม่สามารถนิรโทษกรรมให้ได้  หากนิรโทษกรรมให้กลุ่มนี้อาจทำให้เกิดปัญหาใหม่ มีการชุมนุมเรียกร้องไม่จบหรือไม่ ทั้งนี้การตั้งหลักของพรรคคือ หากนิรโทษกรรมไม่ได้ทั้งหมด ต้องมีบางส่วนที่ได้รับประโยชน์ จำเป็นต้องตัดบางส่วนจากสมการ เพราะสังคมมีความเห็นต่างจำนวนมาก ซึ่งไม่รู้ว่าฝ่ายไหนมากกว่า แต่สิ่งที่เรียนรู้จากทฤษฎีดอกไม้หลากสี สังคมประชาธิปไตยไม่สามารถทำให้ทุกคนคิดเห็นได้เหมือนกัน จึงเป็นเหตุผลที่ถึงเวลาแล้วต้องคืนความยุติธรรมให้คนส่วนหนึ่งในกระบวนการชุมนุม และถึงเวลาหันหน้าหากันเริ่มสร้างสันติสุข ตั้งแต่พ.ร.บ.บังคับใช้ แต่ผมเข้าใจดีของกลุ่มคนที่ไม่ได้รับอานิสงส์ แต่เมื่อสังคมพูดคุยและคนเหล่านั้นสำนึกผิดต่อการกระทำ สังคมและสภาฯพร้อมกลับมาพิจารณา ต้องรอความพร้อมในบางกรณี อย่าทำให้บางกรณีพัวพันให้ทุกกรณีต้องตกขบวน เหมือนกรณีของนิรโทษกรรมสุดซอยที่สังคมรับไม่ได้ เพราะหากดันไป อาจไม่ได้รับการนิรโทษกรรมสักคนเดียว” นายภราดร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสาระสำคัญของกลุ่มร่างกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมทางการเมืองนั้น พบว่า เนื้อหามีความคล้ายกัน คือ การนิรโทษกรรมทางการเมือง โดยให้มีกรรมการกลางขึ้นมาพิจารณาบุคคลที่เข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรม สำหรับคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรมนั้นมีความต่างและแยกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฉบับที่เสนอโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม พรรคคภูมิใจไทย ได้กำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนคือ ไม่นิรโทษกรรมคดีมาตรา 112  ขณะที่ฉบับของพรรคประชาชนและฉบับที่เสนอโดยภาคประชาชน รวมการนิรโทษกรรมคดี 112 ไว้ด้วย

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงจุดยืนของตนเองและพรรคประชาธิปัตย์มี 2 ประการ 1. เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดโดยทั่วไปเช่น ร่วมชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกถึงความคิดเห็น ในทางการเมืองซึ่งเป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในวิถีทางประชาธิปไตย เป็นต้น 2. ตนไม่เห็นด้วยกับ การนิรโทษกรรมการกระทำความผิด ตามมาตรา 110 และมาตรา 112 การกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าว คือการกระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ต่อพระราชินี ต่อองค์รัชชายาท และผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ และไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิด ในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีอาญาร้ายแรงเช่น การฆ่าคนตายโดยเจตนา ประเทศไทยเคยมีการนิรโทษกรรมมาแล้วหลายครั้ง มีการบันทึกไว้ 23 ครั้ง แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นคดีทางการเมือง ครั้งสำคัญที่เราจะจำกันได้ก็คือ การออกคำสั่งที่ 66/ 23 ซึ่งเป็นการนิรโทษกรรมการกระทำความผิด ในคดี 6 ตุลา 19 ซึ่งมีการนิรโทษกรรมในปี 2521 ใน 2 ปีต่อมา แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่เรานิรโทษการกระทำความผิดจากการทุจริตคอรัปชั่น และการกระทำความผิดตามมาตรา 112

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนการนิรโทษกรรมกระทำความผิดตามมาตรา 112 ความจริงได้มีการพยายามช่วงในระยะเวลาหนึ่ง แต่ต้องยอมรับความจริงว่าถ้าเราตั้งเป้าหมาย ว่าเราจะนิรโทษกรรมเพื่อสร้างสังคม สันติสุข สังคมปรองดอง ถือเป็นดาบสองคม เพราะอีกคมหนึ่ง แทนที่จะสร้างสังคมปรองดองอาจจะนำไปสู่ความแตกแยกของสังคมครั้งใหญ่ขึ้นมาครั้งหนึ่งก็ได้ ในเรื่องนี้ และที่สำคัญที่สุด ว่าในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่มีการนิรโทษกรรมการกระทำความผิด มาตรา 110 และมาตรา 112 มาก่อน รวมทั้งล่าสุดในสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ เราเพิ่งมีการพิจารณาผลการศึกษาของ คณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรม ซึ่งกมธ.ชุดนี้ขอความเห็นจากที่ประชุมใหญ่แห่งนี้ จึงเสนอ 3 ทางเลือกต่อการนิรโทษกรรม การกระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 คือ  1.ไม่มีการนิรโทษกรรม 2.นิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข 3.นิรโทษกรรมแบบไม่มีเงื่อนไข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสมาชิกอภิปรายมาจนกระทั่ง เวลา 17.09 น. เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง  อยู่ ๆ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ ได้แจ้งปิดประชุมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  โดยระบุ ว่า ขณะนี้เนื่องจากมีเจ้าของร่าง จากจำนวน 5 ร่าง ยังเหลือ 3 ร่างที่จะอภิปรายสรุป โดยเอาไว้ต่อสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ ขอปิดประชุม