ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต               

"..พัฒนาการของชีวิตเกิดขึ้นในวัยวารที่แข็งแกร่ง และ มีโอกาสที่จะโรยร่วงลงเมื่อยามแก่ชรา นั่นคือวัฏจักรแห่งความเป็นอนิจจังของชีวิต..แต่ถึงกระนั้น..หากเรารู้จักถึงการใคร่ครวญในชีวิตอย่างลึกซึ้งรอบด้าน..เราก็จะรักในตัวตนของตัวเอง โดยปราศจากท่าทีแห่งโอกาสของความเกลียดชัง..

ยิ่งถ้าเมื่อเรารู้สำนึกในการพินิจพิเคราะห์ชีวิตอย่างรอบด้าน,..ความแก่ชราก็จะกลายเป็นวิถีแห่ง “ความรัก” ต่อรูปเงาด้านลึกและด้านกว้างของตัวเราเสมอ..มันคือปรากฏการณ์ที่คอยตอกย้ำกับเราอย่างซ้ำว่า ."อย่าแก่ตัวไปเป็นคนที่แม้แต่ตนเองยังต้องเกลียดชัง"..เพราะนั่นคือความเศร้าแห่งความล้มเหลวขั้นสูงสุด ..ที่เราได้เป็นผู้โบยตีชีวิตของเราเอง..!

..ว่ากันว่า..สิ่งที่ทำให้ความแก่ชราของมนุษย์เรากลายเป็นเรื่องอันน่าเศร้านั้น ไม่ใช่เพราะเราสิ้นสูญ...แต่โดยจริงแท้แล้ว มันยังเกิดขึ้นเพราะความสิ้นหวังต่างหาก..!

ลำดับการณ์ชีวิตเฉกเช่นนี้ ..จึ่งเป็นภาพสะท้อนแห่งภาพสะท้อน..ของนัยความคิดที่ก้าวสู่..ชีวิตอนาคตอย่างรู้เท่าทัน..และ เป็นเรียน..!

..รากฐานแห่งความคิดเบื้องต้น..มาจากสาระสำคัญของหนังสือที่มีคุณค่าต่อการเข้าใจวารวัยของชีวิตได้อย่างกระจ่างและถ่องแท้..ผลงานสร้างสรรค์ของ "Steven Petrow" นักเขียนชาวอเมริกัน..ผู้มีปณิธานเริ่มต้นต่อชีวิตสู่งานเขียนอย่างจริงจังว่า..

"สิ่งที่ฉันไม่มีวันทำเมื่อฉันแก่..คือการมองเห็นและรวบรวมพฤติกรรมต่างๆของพ่อและแม่ที่เขาไม่อยากทำตาม..ไม่อยากเดินตามรอยแม้แต่น้อย"

..ด้วยความมุ่งมั่นแห่งความคิดข้างต้น..ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อหนังสือเล่มนี้ที่เขาเขียน..ขึ้นมา..ในที่สุด..!

"ฉันจะไม่แก่ไปเป็นคนที่ตัวเองเกลียด.."(Stupid Things I Won't Do When I Get Oldz)..หนังสือที่เปิดโลกแห่งความคิดของผู้คนยุคนี้ ..ได้อย่างเปิดเปลือย..มันเต็มไปด้วยสาระที่ขื่นขันทางอารมณ์..ซึ่งพุ่งตรงเข้าสู่จิตสำนึกจนหมุนคว้าง..

"จริงอยู่..อายุที่มากขึ้น ทำให้เราได้รับสิทธิ์พิเศษในบางเรื่อง อย่างเช่น ..ส่วนลดสำหรับชมภาพยนตร์ หรือ บางครั้งก็เป็นที่นั่งบนรถประจำทาง..!

แต่นั้นหาใช่เหตุผล ที่เราจะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ..เนื่องเพราะ ...จริงๆแล้ว..คนหนุ่มหรือใครก็ตาม ก็สมควรได้รับสิทธิพิเศษนี้ เช่นเดียวกับที่คนแก่ทุกคนสมควรได้รับ..สิทธิพิเศษมีข้อจำกัดของมัน..โดยไม่ว่าจะคนแก่หรือคนหนุ่มสาว ก็จะต้องรู้จักถึงความรู้สึกที่ว่า..จะต้องมีสิทธ์ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ.."

โดยภาพรวม..หัวใจของหนังสือเล่มนี้..เน้นย้ำไปที่..การให้แนวคิดเป็นแกนหลัก..ในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ..ไม่เป็นคนที่น่ารำคาญหรือน่าเบื่อ..

ครั้นเมื่อมีอายุมากขึ้น..หนังสือได้เน้นย้ำถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทัศนคติที่อาจจะเป็นปัญหาได้เมื่อเข้าสู่วัยชรา ..คนเราจึงไม่สมควรที่จะยึดติดกับอายุ..จักต้องรู้จักตัวเอง และ จักต้องยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในชีวิตให้ได้..!

..โดยคนเรานั้น

จะต้องรู้จักลตัวให้ดียิ่งๆขึ้น..ด้วยการใช้ชีวิตอย่างตื่นรู้และมีสติ..เข้าใจความต้องการของตนเองอย่างลึกซึ้ง..ซึ่งจะทำให้เกิดความสุข โดยไม่เป็นภาระของคนอื่น ..และเราจะต้องไม่ทำตัวให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง..โดยคิดไปเองว่าตัวเองสำคัญที่สุด..

เหตุนี้ ..เราจะต้องรู้จักการขอโทษ..เมื่อได้กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาด..นั่นคือสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ..!

..สิ่งที่สำคัญที่สุด อันถือเป็นสิ่งจำเป็นก็คือว่า..เราจะต้องไม่ยึดติดกับอายุเด็ดขาด ..ไม่ควรใช้คำว่า "เกิดก่อน" มาเป็น "การกระทำอะไรก็ได้ตามใจ!" หรือเเสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม..รวมไปถึงจะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้น..ถือเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต..ในการต่อต้าน..หรือกล้าที่จะรุนแรง..!

..สิ่งสำคัญสุดท้ายก็คือ ..ต้องพยายามเรียนรู้ ที่จะอยู่คนเดียว...อันถือเป็นทักษะสำคัญ ที่จะทำให้รู้จักกับตนเองและไม่เป็นภาระของคนอื่น ..มันจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลตัวเองให้มากๆ..โดยเฉพาะการแต่งกาย..การดูแลสุขภาพ..ที่จะต้องตั้งอยู่ในความอ่อนเยาว์เสมอ ...!

“สตีเฟน” ในฐานะผู้เขียนหนังสือเล่มนี้..ได้ร้องขอต่อเราทุกๆคนว่า..อย่าได้ไปเปรียบเทียบตัวเองกับคืนอื่น..เพราะจริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างที่สุด...เนื่องเพราะคนเราแต่ละคนล้วนมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน ..ไม่ว่าจะตกอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ก็ตาม ..!”

หนังสือ..เล่มนี้คือแหล่งรวมประมวลความคิดแห่งโลกสมัยที่จะบอกต่อ จากสัญชาตญาณชีวิตแห่งวารวัย..ที่หมุนวนและเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนไปในวันเวลา ..เป็นความรู้พื้นฐานที่เรียบง่าย..แต่กลับสร้างสรรค์การตีความอนาคตแห่งชีวิตของคนเราอย่างจริงจัง..กระตุกเร้าต่อการใคร่ครวญ สู่วิถีแห่งสัจจะที่เราทุกคนจะต้องพานพบด้วยประสบการณ์ที่..แปลกต่างแห่งกันและกัน..

เมื่อคิดจะทบทวนผลลัพธ์แห่งการกระทำของชีวิตดําสักครั้ง..นี่คือนัยแห่งตำราเล่มสำคัญ..ที่เราจะมองข้ามผ่าน ..หรือไม่ใส่ใจใดๆไปได้เลย ..!

...เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน..คนที่ยึดติดกับวิธีเดิมๆทั้งที่รู้ว่า..มันไม่เลอค่า ก็ให้เลิกทำร้ายตนเอง..โดยไม่รู้ตัว.. “การเปลี่ยนแปลงอาจน่ากลัว..แต่ถ้ากล้าก้าว..มันก็มักจะพาเราไปพบกับสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าเดิมเสมอ ..อย่าให้ทุกอย่างที่สำคัญคิดใหม่ ..จงให้วิญญาณเล็กๆในใจเป็นจุดเริ่มต้น...!

“คนที่กล้าเปลี่ยนไม่ใช่คนที่ล้มเหลว..แต่คือคนที่ยังมีพลังที่จะเดินทาง” ว่ากันว่า..เราทุกคนแก่ได้..แต่อย่าเฉา..บางคนไม่ได้แก่เพราะ "อายุ" แต่แกเพราะ “เลิกฝัน” ..เลิกหัวเราะ เลิกใช้ชีวิตอย่างมีหัวใจและมีไฟ..โดยจะเหนื่อยทุกวัน ทั้งที่มีลมหายใจอยู่ตลอดเวลา..!

"ความแก่ที่แท้จริง..ไม่ใช่รอยย่นบนใบหน้า..แต่คือหัวใจที่ไม่อยากหายใจอีกแล้ว..จงทำสิ่งเล็กๆที่ทำให้หัวใจพองทุกวัน..แน่นอนว่า..เราจะไม่แก่เลย..! "..ฉะนั้น จงอย่าบอกตัวเองว่าแก่แล้ว.."ทำอะไรไม่ได้"..เนื่องเพราะ"อายุไม่ใช่ข้อจำกัด"..ยิ่งชีวิตเปิดรับสิ่งใหม่ๆ..เราก็ยิ่งจะพัฒนาได้เลย..

“..คนที่ยอมแพ้ให้กับคำว่าแก่..มักจะหยุดการเรียนรู้..หยุดการกล้าทำอะไรใหม่ๆ..แต่จริงๆ แล้วทุกวันคือโอกาสแห่งการเริ่มต้นใหม่..ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ..การเรียนรู้จะไม่มีวันหมดอายุ”

นอกจากนี้..  “สตีเฟ่น"  ยังสอนให้ไม่ต้องกลัวความแก่..แต่สอนให้ระมัดระวังและกลัวการใช้ชีวิตอย่างมีสติ..เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ..ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่แล้วก็ตาม.. ความแก่ไม่ใช่เรื่องของอายุ..แต่เป็นเรื่องของจิตใจ..  “เราเคยเชื่อพ่อแม่..ในเรื่องที่พวกเขาเล่าเรื่องเดิมๆให้ฟัง เป็นร้อยๆรอบ โดยเคยคิดว่า..แก่ไปจะต้องไม่เป็นอย่างพวกเขา”

แต่..ขณะที่เรากังวลเรื่องอายุว่าแก่ลงทุกที..จนรู้สึกว่าจิตใจห่อเหี่ยว..ตามเรื่องราวในชีวิตไม่ทันแล้ว..จะต้องทำอย่างไรดี?..! "สตีเฟน"ได้แนะนำว่า..ต้องหยุดทำนิสัยที่บ่งบอกถึงความแก่ ...

"ผมรู้ว่าเมื่อแก่ตัวลง..จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ยากขึ้น..แต่ผมจะคอยบังคับตัวเอง ให้พยายามเรียนรู้.. และจะกำจัดนิสัย ที่ทำให้ผมดูเป็นคนแก่ด้วย..เนื่องจากสิ่งที่ผมได้เรียน ก็เริ่มมาจากสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจากอดีต..นี่แหละ..!"

เหตุนี้..เราจึงไม่สมควรที่จะปฏิบัติตาผู้อื่นโดยไม่ให้เกียรติ.. “เมื่อพ่อแก่ตัวลง..ผมว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดมากไปกว่า..ความรู้สึกที่ต้องเสียสถานภาพทาง อาชีพ..ที่ท่านเคยมีสมัยยังหนุ่มอีกแล้ว ../ต้องขอบคุณบทเรียนจากพ่อ ./และ..ผมจะต้องให้ความเคารพต่อผู้อื่น..และก็หวังถึงว่า จะได้รับความเคารพกลับมาด้วยเช่นกัน..!"

นอกจากนี้..เราจะต้องเลิกที่จะเล่าเรื่องเดิมซ้ำๆวนไปวนมา.. เราจักต้องไม่มีพลังอยู่ในเรื่องเล่าส่วนตัว..หรือความหลังครั้งเก่าก่อนของครอบครัว..แต่ขอให้เล่าถึงเรื่องราวที่เราสมควรแบ่งปัน แก่ผู้ยินดีที่จะรับฟัง.. “เราต้องตระหนักถึงมารยาทสำคัญที่ว่า..เมื่อไหร่ที่เราสมควรจะต้องหยุดพูด เสียที..!"

ปัจจัยสำคัญที่ต้องตระหนักคิดและต้องกระทำอีกสิ่งหนึ่งก็คือ ..เราทุกคนนั้นแก่ได้..แต่ต้องอย่าให้เฉา..เนื่องเพราะ..บางคนไม่ได้แก่เพราะอายุ..แต่แก่เพราะ "เลิกฝัน..เลิกหัวเราะ..เลิกใช้ชีวิต อย่างมีไฟ".. เป็นคนเช่นนี้จะเหนื่อยทุกวัน..ทั้งๆที่มีลมหายใจอยู่เต็มชีวิต..!

"ความชราที่แท้จริง ..ไม่ใช่รอยยับย่นบนใบหน้า ..แต่คือหัวใจที่ไม่ยอมขยับอีกแล้ว ..เราจึงจำเป็นต้องทำสิ่งเล็กๆ..ที่ทำให้เราเบิกบานและให้ค่าต่อชีวิต..เพราะนั่นจะทำให้เราไม่แก่เลย..!"

..*..จงอย่าเน้นย้ำกับตัวเองว่า แก่แล้ว..ทำอะไรไม่ได้..เพราะว่า..อายุไม่ใช่ข้อจำกัด มันสามารถพัฒนาได้เสมอ ..แต่คนที่ยอมแพ้กับความแก่..มักจะหยุดการเรียนรู้..หยุดการกล้าทำอะไรใหม่ๆ..แต่จริงๆแล้ว..ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่.."การเรียนรู้จะไม่มีวัน..หมดอายุ"

ว่ากันว่า..ความกระตือรือร้นคือยาวิเศษของชีวิต..อย่าคิดลบกับตัวเอง ..และจงบอกกับสำนึกของตัวเองอยู่เสมอว่า ..การแก่กว่า ..ไม่ได้แปลว่าดีกว่า..หลายคนมักติดและชอบพูดว่า "ฉันเกิดก่อน"  โดยเอามันมาเป็นเกราะ..ในการเอาชนะการถกเถียง..แต่ก็เป็นเพียงการทำให้คนอื่นรู้สึกว่าถูกข่ม..ทั้งๆที่ประเด็นแห่งความน่าเชื่อถือไม่ได้นับจากตัวเลขอายุ..แต่มันเกิดขึ้นและมาจาก ท่าที..และความเข้าใจในเรื่องต่างๆของบุคคลนั้นๆ..!

สิ่งจำเป็นที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือ .. "คนรุ่นใหม่" ในยุคนี้..ต้องการคำแนะนำ..ไม่ใช่คำสั่ง..จงอย่าใช้ประสบการณ์ไปปิดกั้นคนอื่น..แต่..จงเป็นสะพานให้เขาได้ก้าวข้ามไปได้ไกลกว่าเดิม.!

และ..สุดท้าย..ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า..เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน..คนที่ติดอยู่กับวิถีเดิมๆ..ทั้งที่รู้ว่ามันพัฒนาได้ยาก..ก็เท่ากับว่าได้ทำร้ายตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว ..!

..แต่ถ้าเรากล้าที่จะก้าวไปเบื้องหน้า..มันก็จะพาเราไปเจอสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าเดิม..เสมอ...

...อย่าให้ทุกอย่างต้องพังด้วยความคิดใหม่ๆ..แต่จงให้..จิตวิญญาณเล็กๆในใจเป็นจุดเริ่มต้น..

"คนที่กล้าเปลี่ยนไม่ใช่คนที่ล้มเหลว..แต่คือคนที่มีพลังที่จะเติบโต ..!"

"หนังสือเล่มนี้ให้แง่คิดต่อการ..เลือกก้าวย่างต่อไปในชีวิตอย่างเข้าใจ..มันเริ่มจากความชิดใกล้ของตัวตนและคนรอบข้าง..มันคือการหยั่งรู้ที่จะเข้าใจขอบเขตแห่งการสมควรดำรงอยู่ของชีวิต..เป็นตำราแห่งการปฏิบัติที่มองดูคล้ายดั่งเรียบง่าย ..แต่กลับมีคำสอนสะท้อนสำนึกอย่างเบิกบาน..และ..จริงจังต่อจิตวิญญาณของชีวิตอย่างแม่นตรงและเป็นคุณประโยชน์ต่อสำนึกคิด..แห่งยุคสมัย..!