วันที่ 3 ก.ค.68 นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร ตั้งข้อสังเกตถึงการยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาเพื่อเปลี่ยนประธานสภากทม. ในการประชุมสภากทม.เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ตามกติกาก่อนที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานสภากรุงเทพมหานครคือ ให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ และผู้ที่เคยรับตำแหน่งแล้วไม่เข้ามารับตำแหน่งอีก ดังนั้นพรรคเพื่อไทยควรใช้กฎกติกาเดิมที่ตั้งมาแต่แรก เพื่อให้การบริหารและการปกครองมีเสถียรภาพ รวมถึงยังไม่มีเหตุผลในการเปลี่ยนประธานสภากทม. และไม่มีคำตอบในการประเมินผลงานของตนในการดำรงตำแหน่งประธานสภากทม. ว่าผ่านหรือไม่ผ่านอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ตนยินดีสละตำแหน่งให้ ส.ก.ท่านอื่นได้เป็นประธานสภากทม. แต่ประเด็นสำคัญคือ ตนถูกใส่ร้ายว่าผิดวินัย และพรรคจะปลดออก ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ตนเสียสละให้ ส.ก.ท่านอื่นที่ยังไม่เคยดำรงตำแหน่งมาเป็น ส่วนผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมหรือไม่ก็ให้ช่วยกันพิจารณา
ส่วนการติดตามเรื่องภาพหลุด ส.ก.ตั้งวงเล่นไพ่ ตนในฐานะประธานสภากทม.ได้ติดตามจากคณะการปกครองที่เกี่ยวข้องที่พิจารณาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่มีความคืบหน้าจากหน่วยงานตรวจสอบที่เกี่ยวข้องเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นที่ทำให้คณะกรรมการไม่พอใจหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า ตนไปปกป้อง ส.ก. ซึ่งตนต้องดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องยุติธรรม และเป็นประเด็นสำคัญ หากผลการตรวจสอบพบว่าผิดจริง ก็หมายถึงจริยธรรม กฎหมาย เพราะการเล่นการพนันไม่ถูกต้อง แต่ที่ผ่านมากว่า 6-7 เดือนแล้ว ผลการตรวจสอบไม่มีความคืบหน้าตามที่ตนได้ติดตามเลย
ข้อสังเกตต่อมา การยื่นญัตติด่วนเปลี่ยนประธานสภากทม.ใหม่ ตามปกติมีการถ่ายทอดสดเผยแพร่สู่สาธารณะอยู่แล้ว แต่มีเหตุผลอะไรที่ต้องการระงับการถ่ายทอด สิ่งนี้จึงชวนสงสัยถึงความโปร่งใส มีการร่วมกันทำอะไรอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ หรือมีการใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่
"ในเมื่อเราประชุมกัน เรื่องดังกล่าวก็เป็นอีกหนึ่งญัตติสำหรับผม ข้อสังเกตเรื่องแรกคือทำไมต้องเป็นความลับ สองทำไมต้องเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งในการประชุมสภากทม.ที่ผ่านมา มีญัตติและเรื่องเร่งด่วนของประชาชนเต็มไปหมด การชี้ว่าญัตติการเปลี่ยนประธานสภากทม. เป็นเรื่องเร่งด่วน - เป็นเรื่องเร่งด่วนของใครครับ ใครได้รับผลกระทบหรือใครได้รับผลประโยชน์ตรงนี้ ผมยินดีบรรจุให้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อคุณมาเป็นเอกสารแบบนี้ ก็ทำตามระเบียบข้อบังคับการประชุมข้อ 38 ไป เข้าสู่กระบวนการขั้นตอนตามปกติ แต่การเค้นให้ผมบรรจุให้ได้ในวันนี้ ขณะที่การบรรจุเรื่องดังกล่าวข้อบังคับระบุไว้ว่า ตามระยะเวลาที่เหมาะสมในสมัยประชุม"
ดังที่กล่าวมา จึงตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นชนวนหรือเหตุผลในการเปลี่ยนประธานสภากทม.ในครั้งนี้ เพราะผู้ที่ถูกเสนอให้เข้ามาดำรงตำแหน่งต่อ ย่อมต้องการความสง่างามในการดำรงตำแหน่ง ไม่มีชื่อเสียงด้านลบ ไม่ผิดจริยธรรมและศีลธรรม จึงต้องขอฝากเรื่องนี้ให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบต่อไป
สำหรับข้อบังคับการประชุมสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2562 ข้อ 38 ระบุ ญัตติ 2 ประเภท คือ 1.ญัตติเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของกรุงเทพมหานคร 2.ญัตติร่างข้อบัญญัติ (ตามข้อ 37(1)) ต้องเสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือต่อประธานสภาและต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าสองคน เว้นแต่กฎหมายหรือข้อบังคับจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้ประธานสภาบรรจุญัตติที่เสนอมาเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาภายในกำหนดเวลา อันสมควรในสมัยประชุมนั้น