วันที่ 2 ก.ค.2568 เวลา 13.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ไปรายการออกรายการดัง แล้วพูดถึงแนวคิดยกมือโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ ชั่วคราวแต่ไม่ร่วมรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรุ่งนี้จะเป็นการเจอกันครั้งแรก ของนายอนุทินกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านต่างๆ จึงไม่ทราบว่านายณัฐพงษ์ เอาข้อมูลนี้มาจากที่ไหน เพราะนายอนุทินไม่เคยพูดคุยกับนายณัฐพงษ์ แม้จะเป็นทางการหรือไม่ทางการ ฉะนั้นสิ่งที่นายณัฐพงษ์พูด ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเกิดจากอะไร ซึ่งเรื่องของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของอนาคต เนื่องจากขณะนี้ยังมีนายกรัฐมนตรีอยู่ แต่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้อาจจะมีการสรรหานายกรัฐมนตรี ที่มีเสียงเกิน 25 เสียง ซึ่งชื่อนายอนุทินก็อยู่ในบัญชีอยู่แล้ว โดยนายอนุทินก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็พร้อมมาตั้งแต่การเลือกตั้งแล้ว ซึ่งในปี 2566 ทุกพรรคก็ประกาศว่าทุกคนพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี
“ขณะนี้ คุณอนุทินก็ยังอยู่ในโผแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ที่มาบอกว่านายอนุทินไปคุยกับคุณณัฐพงษ์ แล้วมาบอกว่าพร้อม อันนี้ไม่ใช่ค่ะ คุณอนุทินไม่เคยคุยกับคุณณัฐพงษ์ พรุ่งนี้จะเป็นครั้งแรกที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านจะได้เจอกัน” น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ ในการปูทางในการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล หรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า ต้องโยนคำถามกลับไปที่นายณัฐพงษ์ที่เป็นผู้ให้ข้อมูลว่าเป็นการโยนหินถามทางหรือมีวัตถุประสงค์อะไร
เมื่อถามต่อว่า พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนจับมือกันดันนายอนุทิน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า ทั้งหมดคือสมมุติฐาน เพราะฉะนั้นจะไม่ตอบคำถามที่เป็นสมมุติฐาน เพราะนาทีนี้เรายังทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯ โดยเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เราก็เคารพคำสั่งศาล
เมื่อถามว่ากรรมการบริหารพรรคจะมีการพูดคุยความเป็นไปได้ของฉากทัศน์ดังกล่าวหรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ต้องพูดคุยกัน เพราะตอนนี้เรามีสิ่งที่เราต้องนึกถึงภัยที่จะกระทบกับประชาชน ทั้งภัยพิบัติ ซึ่งเห็นว่าประชาชนในหลายจังหวัดก็ประสบเหตุอยู่ หรือภัยเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด และภัยสังคม ฉะนั้น สิ่งที่พรรคคุยกันจะคุยแต่ผลกระทบที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบ