“กฤษฏา" ชง "บิ๊กตู่" ปฏิรูปเกษตรแผนสอง ผุดโมเดลเกษตรแม่นยำสูง จ่อเปิดแผนผลิตเกษตรใหม่ จัดสรรโควตาเกษตรกร เข้าระบบปลูกพืช-เลี้ยงสัตว์สมดุลตลาด วันนี้ (31 ม.ค.62) นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูปภาคเกษตรทั้งระบบ เป็นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้ ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯสั่งว่า เกษตรกรไทย จะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ผลิตได้มาก แต่ขายได้น้อย จะอยู่ในอาชีพได้ยาก ตนมาเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ1ปี ได้กำชับข้าราชการเกษตรทุกคนแนะนำเกษตรกรปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ จะต้องหาตลาดให้ด้วย ไม่ใช่ไปบอกให้ทำเกษตรแล้วปล่อยเกษตรกรทำตามยะถากรรม “ยุคผมมาปรับใหม่ ตอนนี้ผลงานเริ่มประสบความสำเร็จแล้วโมเดลปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดแทนทำนาปรัง ในนโยบายการตลาดนำการผลิต ผมเสนอนายกฯต้องรู้ตลาดก่อน ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ต้องการเท่าไหร่ อย่างเช่นผลิตข้าว33ล้านตันข้าวเปลือก บริโภคในประเทศและ ส่งออก 20ล้านตันต่อปี ส่วนที่เหลืออีก 10 ล้านตัน ทำอย่างไร จึงเร่งลดพื้นที่ปลูกข้าว ประสานงานกระทรวงพาณิชย์ สมาคมอาหารสัตว์ ทราบว่าต้องใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4 ล้านตันต่อปี ผลิตทำอาหารสัตว์ ที่ผ่านมาไปซื้อต่างประเทศ2 ล้านตัน จึงรณรงค์ชาวนาหันมาปลูกข้าวโพด แทนทำนาปรัง ธกส.ให้กู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละสลึง ตอนนี้ข้าวโพดเริ่มออกแล้ว ผลผลิตดี ราคาดีมาก ขนาดความชื้นร้อยละ30-40 ยังขาดได้ 8บาท มีกำไร เฉลี่ย3.5พันบาทต่อไร่ ทำนาไร่ละ350บาท และมีประกันภัยความเสี่ยงทุกขั้นตอนจนถึงเก็บเกี่ยว เกษตรกรรู้ราคาขาย รู้ความต้องการตลาดล่วงหน้า นี่คือโมเดลตัวอย่างปฏิรูปเกษตร ยุคพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องใช้เงินหลายแสนล้านบาทไปรับจำนำ แล้วปล่อยข้าวเน่าเสีย”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว นายกฤษฏา กล่าวว่า ต่อไปนี้ กำลังขับเคลื่อนเรื่องใหญ่ ตนและรมช.เกษตรฯ2ท่าน วางแผนปีนี้หากเกษตรกรแห่ไปปลูกข้าวโพด ทำให้ราคาเป็นปัญหาอีก จึงมาทำแผนการผลิตของประเทศใหม่ โดยมีแผนที่การใช้ดินเหมาะสม จัดสรรโควตาทำเกษตรและเลี้ยงสัตว์ จัดหาตลาด เพื่อให้ปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรทุกชนิดสมดุลกับความต้องการก้าวไปสู่โมเดลเกษตรแม่นยำสูง "จากนี้ประเทศไทยมีแผนการผลิตสินค้าเกษตร จะใช้ระบบโควตา จัดสรร ให้เกษตรกรทำเกษตร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ กำลังเสนอเขียนแผนงาน เสนอให้นายกฯ เดินหน้าปฏิรูปเกษตรแผนสอง ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดสรรโควตา พืช เลี้ยงสัตว์ เท่าไหร่โดยไม่มีปัญหาล้นตลาด หรือถ้าเกิดปัญหาขึ้นจะเป็นบางชนิด รัฐลงไปดูแลใช้งบไม่มาก จะไม่ปล่อยให้ปลูกแบบเดิมเจ๊งแบบเดิมอีกต่อไป มีประสบการณ์เรื่องยางพารา สมัยเป็นรองผู้ว่าฯจังหวัดภาคใต้ ปี 42-43 ขณะนั้นผลผลิตยางไม่เกิน 3 ล้านตันต่อปี ราคากิโลกรัมละ 100 บาท พอรัฐบาลปี47 เห็นราคาดีก็มาขยายพื้นที่ปลูกยางไปเป็นล้านๆไร่ มาถึงยุคนายกฯประยุทธ์ จึงโชคร้าย เพราะยางเหล่านั้นมากรีดได้ช่วงนี้ จนมีผลผลิตถึง 4.5 ล้านตัน ก็เป็นความโชคร้ายของผมด้วย ซี่งเป็นห่วง ทุเรียนเจอวัฐจักรเดียวกัน กำลังวิเคราะห์ดูทุกสินค้า โดยให้ทูตเกษตรต่างประเทศ 11แห่ง ขยายตลาดส่งออกยางพารา ในการทำพื้นถนน ลาดจอดรถ จะทราบปริมาณในเดือนนี้ ซึ่งปัญหาใหญ่ของเกษตรกร คือ เรื่องตลาด ในฐานะผมเป็นลูกเกษตรกร ที่บ้านเป็นหนี้ธกส.มาก่อน และมาเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯขอให้ ธกส.ปรับบทบาท อย่าปล่อยกู้อย่างเดียว ให้ทำงานควบคู่กับพาณิชย์จังหวัด ผมเป็นนายอำเภอ 10ปี ผู้ว่าฯ5ปี รู้ว่าคนพาณิชย์แต่ละจังหวัดมีเพียง4-5คน จะมาทำการตลาดให้เกษตรกรมีจำนวนมากคงไม่ไหว ซึ่งคนธกส.มีทุกตำบล ต้องเพิ่มบทบาท ทำการตลาด ให้ชาวไร่ชาวนาด้วย ขยายผลความสำเร็จในการปฏิรูปการเกษตร จากที่รัฐบาลชุดนี้สร้างรากฐานไว้ให้เกษตรกรสามารถอยู่ในอาชีพได้อย่างมั่นคงยั่งยืนแท้จริง”นายกฤษฏา กล่าว