เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ก.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า กลไกการทำงานของศบ.ทก.ยังยึดมั่นคติประจำศูนย์คือรอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ เราเป็นทีมไทยแลนด์ที่นำมติของสภาความมั่นคงของชาติ(สมช.)ไปแปลงโดยกองกำลังป้องกันชายแดนในพื้นที่เป็นผู้ปฏิบัติ เรายึดมั่นการทำงานแบบนี้มาตลอด ถึงแม้ช่วงนี้จะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ตาม การดำเนินงานของ ศบ.ทก.ก็ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุด
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างมติสมช.ครั้งที่ 5/2568เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในเรื่องมาตรการรองรับสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา โดยมีมติ 4 ข้อคือ 1.รับทราบผลปฏิบัติของศบ.ทก.ตามมติที่ประชุมสมช.ครั้งที่ 4/2568
2.ให้ความเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ มาตรการควบคุมและผ่อนปรนบุคคล ยานพาหนะ และสินค้า
3.มติสมช.ให้ความเห็นชอบขยายมาตราการควบคุมจุดผ่านแดนประเภทต่างๆให้ครอบคลุมทั้งการจำกัดและผ่อนผันบุคคล ยานพาหนะ และสินคาที่ผ่านเข้า -ออกจุดผ่านแดน 4.มอบหมายให้ศบ.ทก.เป็นกลไกหลักในการพิจารณายกระดับหรือผ่อนปรนมาตรการรองรับสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาภายใต้กรอบแนวทางที่รัฐบาลหรือสมช.กำหนดให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ทั้งนี้ ขอให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าถึงแม้ในสถานการณ์ที่เราอาจมีมีปรับเปลี่ยนครม.แต่ในเรื่องการแก้ไขปัญาตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ทางศบ.ทก.ก็มีอำนาจในการพิจารณาและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในที่ประชุมศบ.ทก.รับทราบการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมที่ยังเป็นไปตามท่าทีเดิม คือเรื่องความตึงเครียดและปัญหาชายแดน ควรรับการแก้ไขตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างกันทั้งสองฝ่าย โดยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ที่จะมีการประชุมร่วมกันในเดือนกันยายน รวมไปถึงกลไกอื่นๆทั้ง คณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) และคณะกรรมการส่วนภูมิภาค(อาร์บีซี) ตลอดจนทวิภาคีอื่นๆ ซึ่งท่าทีนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงในหลายๆประเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงในวันที่ 3 ก.ค.