วันที่ 2 ก.ค.68 ที่ สตม.ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมนักธุรกิจแดนมังกร เปิดบริษัทเก๊หลอกลงทุน (แชร์ลูกโซ่) หนีซุกไทย ความเสียหาย 500 ล้านบาท
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า สืบเนื่องจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีคำสั่งให้สืบสวนปราบปรามและระดมจับกุมคนต่างด้าวซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีบ้านพักหลังหนึ่งอยู่ภายในซอยศิริถาวร ถนนพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ มีบุคคลสัญชาติจีน พักอาศัย อยู่หลายคน น่าเชื่อว่าจะใช้บ้านหลังดังกล่าวกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลอาญาพระโขนงเข้าตรวจค้น
ผลการตรวจค้นพบ นางหง (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี สัญชาติจีน ไม่มีหนังสือเดินทางแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินผ่านระบบสารสนเทศ ตม. พบว่า นางหงเดินทางเข้ามาและอยู่ในประเทศไทยโดยการอนุญาต สิ้นสุด รวมจำนวน 337 วัน จึงจับกุมในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนคนต่างด้าวรายอื่นอีก 5 คน ไม่พบการกระทำผิด
ทั้งนี้ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ประสานงานไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย รับแจ้งว่า นางหง ประกอบอาชีพเป็นนักธุรกิจ ได้ร่วมกับสมาชิกรายอื่นๆ ก่อตั้งบริษัท เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มร่วมลงทุน โดยสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นบริษัทด้านการลงทุนในธุรกิจระดับโลก มีการต่อยอด สร้างธุรกิจและโครงการต่างๆ จำนวนมาก
อีกทั้งบริษัทยังดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องการกับใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต การพัฒนาแอปพลิเคชัน โทรศัพท์มือถือ และเป็นสื่อกลางในการจัดงานสังสรรค์ระดับสูง ซึ่งโมเดลธุรกิจดังกล่าวสร้างแรงจูงใจให้เกิดผู้ร่วมลงทุน มีการชักชวนสมาชิกและมีผู้สนใจทำธุรกิจเป็นจำนวนมาก โดยผู้สนใจจะต้องจ่ายเงินร่วมลงทุนเป็นเงิน ตั้งแต่ 7,000 - 100,000 หยวน เพื่อให้มีสถานะเป็นสมาชิก มีการแบ่งงาน, มอบหมายหน้าที่ในการบริหารจัดการ, การฝึกอบรม, มีการเก็บค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิกรายใหม่ๆ และดูแลกิจการอื่นๆ ของบริษัท ซึ่งเป็นการสร้างเรื่องหลอกลวงทั้งหมด โดยจากตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าว มีเงินทุนหมุนเวียน มูลค่ากว่า 100 ล้านหยวน หรือกว่า 500 ล้านบาท