วันที่ 2 ก.ค.68 พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม​ กล่าวถึง ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา ว่า สถานการณ์ยังทรงอยู่ แต่เราได้ใช้กลไกในทุกระดับของกองทัพ ในการประสานงานกับกัมพูชา และพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการพูดคุยแบบทวิภาคี สิ่งที่กระทรวงกลาโหมคาดหวัง คือกลไก​ GBC​  ซึ่งมี รมว.กลาโหมเป็นประธาน ในขณะเดียวกันระดับรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีการพูดคุย​ ซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้นเล็กน้อย คือทางกัมพูชาเริ่มคุยด้วย จากก่อนหน้านี้ที่ไม่คุยเลย แต่ยอมรับว่า ยังมีการต่อรองกันอยู่ ซึ่งฝ่ายไทย ยึดถือศักดิ์ศรีของ 2 ประเทศ ไม่มีคำว่าประเทศใหญ่หรือเล็ก เพราะถือเป็นประเทศเท่ากัน อยากให้คนไทยคำนึงเรื่องนี้ รัฐบาลเป็นห่วงความเดือดร้อนของประชาชน ตามแนวชายแดน​ 

สำหรับความคืบหน้าการประชุม RBC​  นั้น คงไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เพราะมีพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของกองทัพภาคที่ 1 รวมถึงกองทัพเรือ ในขณะที่การประชุม RBC จะครอบคลุมเฉพาะพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ดังนั้นพื้นที่อื่นจะไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา

เมื่อถามว่าทางพลเอกเตีย​ เซรยฮา​ รองนายกรัฐมนตรีและามว.กลาโหมกัมพูชา​ มีท่าทีที่ดีขึ้นใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพลกล่าวว่า เขายอมคุยด้วย แต่ยังมีการต่อรองเรื่องเงื่อนไข ที่ยังไม่ลงตัว

เมื่อถามถึงเงื่อนไขคือการให้เราเปิดด่านก่อนใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพล​ กล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในระหว่างการต่อรอง เราต้องเคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกันโดยคำนึงถึง​ศักดิ์ศรีของประเทศไทย รวมถึงของกัมพูชาด้วย เราถือว่าศักดิ์ศรีเท่ากัน เป็นประเทศเหมือนกัน แต่ยืนยันว่า  เรายังคงมาตรการเปิดด่านแบบจำกัดเวลาเหมือนเดิม แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปิดด่าน แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่ปิดเอง​ ซึ่งคาดว่าทางรัฐบาลกัมพูชาคงมองว่า​ ลักษณะเช่นนี้คือการปิดด่านแล้ว เพราะหากเราปิด จะไม่มีการผ่านเข้าออกเลย

เมื่อถามว่าจะมีโอกาสลงไปทำความเข้าใจกับคนในกองทัพหรือไม่ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ไม่มีรมว.กลาโหม ในขณะที่นายกรัฐมนตรี ถูกรัฐธรรมนูญ​สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พลเอกณัฐพล​ ระบุว่า คงจะค่อยๆทำไปตามขั้นตอน ต้องยอมรับว่าไม่ได้มีการเตรียมการมาตั้งแต่ต้น 

ในส่วนของตน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้ทราบ ว่าสามารถรักษาการรมว.กลาโหมได้ทันที โดยให้ยึดพรบพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 24​  ซึ่งความรับผิดชอบจะเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน หากมีอะไรเสียหาย ก็อยู่ในความรับผิดชอบของตน

เมื่อถามว่าในส่วนของกระทรวงกลาโหม แม้จะไม่มีเจ้ากระทรวง จะไม่เกิดสูญญากาศ​ ใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพล​ กล่าวว่า จะไม่เกิดสุญญากาศอย่างแน่นอน รวมถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา มติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อ 27 มิถุนายน 2568 ได้มอบอำนาจให้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารชายแดนไทย -กัมพูชา​ (​ ศบ.ทก. )ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับ ความเข้มข้นหรือผ่อนคลายมาตรการ ขอยืนยันกับประชาชนว่า งานด้านความมั่นคง ในทุกด้านจะไม่เกิดสูญญากาศ ยังคงเดินหน้าต่อไป

อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความเชื่อมั่นว่าตนจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ แต่ยอมรับว่าไม่รู้สึกกดดัน ภาระงานยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการเหมือนเดิม แต่หากเป็นรมว.กลาโหมก็อาจจะกดดัน แต่ตนก็ห่วงอยากให้ปัญหาแก้ไขได้เร็วขึ้น เพราะจากที่ลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรี ตามแนวชายแดนไทย​- กัมพูชา ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอยากให้ปัญหานี้คลี่คลายโดยเร็ว โดยจะคำนึงถึงอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศ ซึ่งจะต้องเป็นไปอย่างสง่างาม

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ หลังนายฮุน​ มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีการเคลื่อนไหวนำ 3 ปราสาทและ 1 พื้นที่ขึ้นศาลระหว่างประเทศ พลเอกณัฐพลกล่าวว่า มีการพูดคุยกันตลอด ซึ่งในส่วนของทีมไทยแลนด์​เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนงานระยะยาว ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเขาก็เดินหน้าอยู่ ในงานที่จะต้องใช้ความปราณีต และมีเรื่องข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง การเตรียมการในเรื่องต่างๆ หากกัมพูชานำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ศาลโลก ซึ่งในส่วนของศบ.ทก.จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องนี้ แต่ทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศและศบ.ทก.​ ต่างฝ่ายต่างรับทราบการทำงานซึ่งกันและกัน