วันที่ 2 ก.ค.68  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่วัดบ้านทุ่งเคล็ด (โบสถ์เหรียญบาท) อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังกลุ่มญาติติธรรมได้นำ พระประสิทธิ์ ถิรมโน เจ้าอาวาสองค์ใหม่ เข้ามายังวัดตามคำสั่งแต่งตั้งจากมหาเถรสมาคม ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่รวมตัวกันขัดขวาง ไม่ยินยอมให้พระองค์ใหม่เข้าจำวัดในกุฏิสงฆ์เป็นเหตุให้สถานการณ์ตึงเครียดเมื่อทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกันยืดเยื้อหลายชั่วโมง จนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหารต้องเข้ามาระงับเหตุ ก่อนสถานการณ์จะบานปลาย

ระหว่างนั้นทีมกฎหมายของพระประสิทธิ์ ได้ชี้แจงกับชาวบ้านถึงคำสั่งจากเจ้าคณะจังหวัดที่ 7/2568 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ซึ่งแต่งตั้งพระประสิทธิ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดทุ่งเคล็ดแทนพระมหาอาทิตย์ อิสสรญาโญ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน พร้อมนำเอกสารทางราชการมาแสดง แต่กลุ่มชาวบ้านยังไม่ยอมรับ โดยอ้างว่าคำสั่งอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตั้งข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์แอบแฝง เนื่องจากวัดกำลังจะจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต

ซึ่งสาเหตุความขัดแย้งครั้งนี้ มีรายงานทราบว่ามาจากกรณี พระมหาอาทิตย์ ได้กู้เงินจากกลุ่มทุนหลายล้านบาท โดยอ้างนำมาใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ภายในวัด แต่ไม่ชำระตามกำหนดจนเกิดคดีความ และกลุ่มทุนร้องเรียนต่อเจ้าคณะจังหวัด จนนำมาสู่การตั้งกรรมการสอบสวน และมีคำสั่งปลดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่ 001/2568 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ขณะที่เหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มความตึงเครียดขึ้น เมื่อฝ่ายญาติติธรรมพาพระประสิทธิ์ มาตั้งเต็นท์จำวัดชั่วคราวที่บริเวณหน้าโบสถ์ เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าจำวัดในกุฏิสงฆ์ได้ ทำให้คณะกรรมการวัดบางส่วนไม่พอใจ พยายามสั่งรื้อเต็นท์ จนเกิดการโต้เถียงกันซ้ำ จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์อีกครั้ง

ล่าสุด กลุ่มชาวบ้านและญาติติธรรมยังคงปักหลักค้างแรมบริเวณวัด โดยไม่ยินยอมให้พระประสิทธิ์เข้าจำวัดในกุฏิ ขณะที่มีเสียงวิจารณ์ว่า คณะกรรมการวัดควรจัดหาที่พักที่เหมาะสมให้กับเจ้าอาวาสตามคำสั่งมหาเถรสมาคม และควรปล่อยให้ข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ควรปลุกปั่นให้ชาวบ้านเกิดความแตกแยกในชุมชน

ลุงสุขเกษม อายุ 64 ปี ชาวบ้านทุ่งเคล็ด ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ครอบครัวของผมเป็นผู้ยกที่ดินผืนนี้ถวายให้กับวัด เพื่อใช้ในการก่อสร้างโบสถ์เหรียญบาทในปัจจุบัน ด้วยความตั้งใจที่จะอุทิศบุญกุศลให้กับบิดาและมารดา เพื่อให้ท่านได้ไปสู่สุคติบนสวรรค์ตามความเชื่อของเรา ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดปัญหาการแสวงหาผลประโยชน์ขึ้นภายในวัด จนทำให้เกิดความขัดแย้งในหมู่เครือญาติ เพราะมีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ดังกล่าว ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เนื่องจากเครือญาติบางคนของผมถูกหลอกลวงจนหมดตัว และบางรายยังต้องรับภาระหนี้สินที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อ เนื่องจากได้ไปค้ำประกันเงินให้กับเจ้าอาวาส”

ด้านพระประสิทธิ์ เจ้าอาวาสองค์ใหม่ของวัดดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะจังหวัดให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นลำดับที่ 3 ต่อจากพระสงฆ์อีกสององค์ที่เคยได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสก่อนหน้านี้ แต่ทั้งสององค์ก็ไม่สามารถเข้ามาจำวัดหรือปฏิบัติหน้าที่ภายในวัดได้ เนื่องจากประสบปัญหาการต่อต้านจากชาวบ้านกลุ่มเดิม ที่ไม่ยินยอมให้พระภิกษุที่ได้รับการแต่งตั้งจากภายนอกเข้ามาทำหน้าที่ภายในวัด และเมื่อมีการแต่งตั้งพระประสิทธิ์เป็นเจ้าอาวาสองค์ใหม่ กลุ่มชาวบ้านกลุ่มเดิมก็ดูเหมือนว่าจะเตรียมการต่อต้านในลักษณะเดียวกันอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม พระประสิทธิ์ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือกังวลใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก เนื่องจากท่านเองก็เป็นคนในพื้นที่ เป็นชาวบ้านในละแวกวัดนี้มาก่อน ก่อนจะตัดสินใจอุปสมบทเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ จึงมีความเข้าใจในบริบทของพื้นที่ และเชื่อมั่นว่าชาวบ้านบางส่วนยังพร้อมให้ความร่วมมือ หากมีการพูดคุยทำความเข้าใจอย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ หากไม่สามารถเข้าจำวัดภายในอาคารของวัดได้ตามปกติ พระประสิทธิ์ระบุว่า ท่านก็พร้อมจะปักกลดเพื่อจำวัดอยู่บริเวณหน้าโบสถ์ของวัดแทน โดยจะเฝ้ารอดูสถานการณ์อย่างสงบ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าอาวาสตามที่เจ้าคณะได้มอบหมายอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสันติในกิจการคณะสงฆ์ของวัดดังกล่าว
ในส่วนของคณะกรรมการวัดนั้น พระประสิทธิ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เนื่องจากมีคำสั่งให้ปลดเจ้าอาวาสองค์เดิมพ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ จึงส่งผลให้คณะกรรมการวัดชุดเดิม ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยเจ้าอาวาสองค์เดิม ต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยอัตโนมัติด้วย ดังนั้น จะต้องมีการดำเนินการสรรหาคณะกรรมการวัดชุดใหม่ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการงานต่าง ๆ ของวัดตามระเบียบและแนวทางของคณะสงฆ์ต่อไป