เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 2 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา แล้วให้ชี้แจงภายใน 15 วัน ว่า จริงๆ เรามีเอกสารอยู่ครบถ้วนหมดแล้ว เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนี้อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมขึ้นอีกไหมก็ว่ากันไป
เมื่อถามว่า เรื่องของการที่ยังตีความไม่ตรงกันในการดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม ตรงนี้ยังยืนยันสามารถนำเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการและความเห็นของอดีตศาลบางคนบอกว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกันกับนายกฯ เพราะฉะนั้นเหมือนกัน ซึ่งตนมองว่าถ้าไปตีความอย่างนั้น แสดงว่าคุณวินิจฉัยว่านายกฯ ผิดไปแล้ว ซึ่งความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัย ศาลเพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง เพราะฉะนั้นศาลยังไม่ได้วินิจฉัยเลยว่า น.ส.แพทองธารขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ ฉะนั้นจึงต้องถือว่าน.ส.แพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ไม่อย่างนั้นเท่ากับไปตีความว่า น.ส.แพทองธารขาดคุณสมบัติผิดไปแล้ว
เมื่อถามว่า แต่มาตรา 160 ตีความควบคุมถึงความเป็นรัฐมนตรีด้วย ส่วนของการเป็น รมว.วัฒนธรรม ต้องหยุดด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แล้วศาลสั่งให้หยุดไหม เมื่อถามว่า นั้นหมายความว่าเฉพาะตำแหน่ง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็ใช่ ตนยกตัวอย่างง่ายๆ ที่ผ่านมาศาลมีการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่บางตำแหน่งเป็นการชั่วคราวก็มี ครั้งนี้ศาลไม่ได้วินิจฉัยให้รวมตำแหน่งอื่นด้วย ซึ่งการไปวินิจฉัยแบบนั้นไม่ได้ เพราะเกินคำร้อง
เมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม รักษาราชการแทนนายกฯ ที่จะเป็นผู้นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว เหลือขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณ คิดว่าไม่มีอะไรห้าม
เมื่อถามว่า ต้องถามไปยังสำนักงานกฤษฎีกาก่อนหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีการถามทางวาจาไปแล้ว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ทำให้แพ้ตลอด ตรงนี้ได้ปรึกษากฎหมายเพิ่มเติม อย่าง นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ บ้างหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้น ก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป ผมย้ำมาตลอดว่า กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ มันต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยเพียงไร เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า ไม่มีเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนว่าอะไรเป็นอะไร กลายเป็นดุลพินิจของศาล รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา