ญาติคาใจสาเหตุและอาวุธที่สองพ่อลูก ใช้ฆ่าสองพี่น้องดับและค้านประกัน
จากกรณีที่นายณัฐพล อายุ 50 ปี กับนายนวพล อายุ 24 ปี สองพ่อลูกที่ใช้อาวุธปืนยิงนายเจษฎากร อายุ 49 ปี และนายประมาณ อายุ 44 ปี สองพี่เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 28 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมือปืนนั้นอ้างว่ามีเหตุขัดแย้งกันมานาน
ล่าสุดในวันนี้( 30 มิ.ย.68 ) ทางญาติๆของผู้ตายทั้งสองคนได้นำศพของสองพี่น้องมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดตาลเรียง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โดยตั้งคู่กันในศาลาและมีบรรดาญาติของผู้ตายทั้งสองคนมาคอยช่วยจัดการเรื่องงานศพ
จากการสอบถามนางสาวน้ำค้าง แสงสว่าง อายุ 43 ปี อดีตภรรยาของนายประมาณ ผู้เสียชีวิต และนางสาววชิราภรณ์ อายุ 48 ปี พี่สาวของนางสาวน้ำค้าง ก็บอกว่า ตอนนี้ญาติยังติดใจเรื่องของบาดแผลของผู้ตาย โดยเฉพาะนายประมาณซึ่งเป็นน้องชายนั้นมีบาดแผลฉีกขาดบริเวณสีข้าง ส่วนนายเจษฎากรนั้นมีบาดแผลที่หน้าอก ซึ่งหากถูกอาวุธปืนอย่างเดียวบาดแผลคงจะไม่กว้าง เกรงว่าอาจจะใช้อาวุธมีดร่วมด้วยหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่มือปืนอ้างว่าขัดแย้งเรื่องธุรกิจนั้น ไม่เชื่ออย่างแน่นอน เพราะนายเจษฎากร ซึ่งเป็นพี่นั้นทำงานเป็นลูกจ้างของเทศบาลตำบลบัวงาม ส่วนนายประมาณซึ่งเป็นน้องชายนั้นทำงานขับรถรับส่งนักเรียนและรับจ้างส่งของ ซึ่งไม่มีธุรกิจอะไรที่จะไปขัดแย้งกัน
ส่วนสาเหตุที่พอจะทราบมาคือนายเจษฎากรกับนายณัฐพล (มือปืน) นั้นมีเรื่องบาดหมางกันมาหลายปี ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่น่าจะใช่ประเด็นที่จะมาฆ่ากัน แต่เรื่องอื่นนั้นไม่รู้ โดยเฉพาะนายประมาณนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยและจะเป็นคนกลางคอยห้ามพี่เวลาถูกมือปืนพูดแขวะด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องยิงทั้งคู่ ซึ่งครอบครัวของนายประมาณนั้นมีลูก 3 คน เป็นลูกสาวฝาแฝด 1 คู่และผู้ชายอีก 1 คน ก็จะเดินทางไปที่สภ.หลักห้า เพื่อสอบถามเรื่องที่ยังติดใจ ทั้งบาดแผลและเรื่องของประเด็นที่ก่อเหตุรวมทั้งจะขอคัดค้านการประกันตัวด้วย
ด้านพ.ต.อ.ณัฏฐ์ พิพัฒน์สวัสดิ์ ผกก.สภ.หลักห้า ก็บอกว่าเรื่องที่ญาติคนตายติดใจนั้นสามารถสอบถามได้ที่พนักงานสอบสวน และทางตำรวจก็จะคัดค้านการประกันตัวด้วย เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ประชาชนให้ความสนใจ
ต่อมาทางญาติของผู้ตายทั้งสองคนได้เดินทางเข้าพบกับพ.ต.ท.กิตติ วิเศษสิงห์ สารวัตรสอบสวนสภ.หลักห้า เพื่อสอบถามเรื่องที่ยังติดใจอยู่ หลังจากที่มีการเข้าไปพูดคุยก็ออกมาบอกว่าทางตำรวจได้ชี้แจงทุกกรณีแล้ว และจะทำสำนวนคดีให้รัดกุม ซึ่งทางญาติๆก็พอใจในคำตอบแล้ว
ต่อมาได้มีน.ส.นา(นามสมมุติ) อายุ 49 ปี ภรรยาของนายณัฐพล (มือปืน) ได้เดินทางมาเยี่ยมพร้อมกับให้ข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตนกับมือปืนและลูกชายซึ่งเป็นลูกติดนายณัฐพล ได้ไปเที่ยวงานที่วัดตาลเรียงซึ่งอยู่ใกล้กับบ้าน และไปพบกับนายเจษฎากร ที่มาเที่ยวงานเหมือนกัน จึงเกิดการมองหน้าและพูดจาแขวะกัน จนมีเรื่องชกต่อยกัน ซึ่งตนกับนายประมาณน้องชายคนตายก็พยายามห้ามกันและให้นายณัฐพล กลับบ้าน ส่วนตนเองนั้นเดินทางกลับมาทีหลัง และเมื่อถึงจุดเกิดเหตุเขาก็มีเรื่องกันไปแล้ว สามีได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาโดยมีตนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ซึ่งสามีนั้นร้องไห้ตลอดเวลา ทำให้ตนได้บอกให้สามีจอดรถ เขาจึงบอกยิงนายเจษฎากรกับนายประมาณไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเพราะหลับหูหลับตายิงเนื่องจากสู้นายเจษฎากรไม่ไหว จึงได้มาคว้าปืนใต้เบาะรถไปยิง ตนจึงได้ให้สามีตั้งสติและขอให้ทางผู้ใหญ่ติดต่อขอมอบตัว เพราะทำผิดจริง ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้พาสามีหนี แต่สามีขี่รถพาตนออกมาตั้งหลักก่อนจะมอบตัว ก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะทั้งหมดก็เป็นเพื่อนกัน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยอมรับสภาพ ส่วนที่ว่าจะเข้าไปขอโทษกับทางญาติคนตายนั้นก็จะประสานไปทางผู้ใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากเข้าใจอารมณ์ของผู้ที่สูญเสีย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวสองพ่อลูกออกมาทำการสอบปากคำ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามถึงสาเหตุที่ต้องยิงสองพี่น้องดับ แต่สองพ่อลูกก็ไม่ยอมพูดจาใดๆเลย