สถานการณ์จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดินตึงเครียด แต่ยังควบคุมได้ ฝ่ายไทยเปิดด่าน แต่กัมพูชายังไม่อนุญาตให้รถสินค้าผ่าน

เช้าวันนี้ (30มิ.ย.68)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านโอลำดวน อำเภอพนมปึก จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา สถานการณ์บริเวณชายแดนยังคงตึงเครียดจากผลกระทบของมาตรการควบคุมการผ่านแดน แต่โดยรวมยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายหลังจากที่กองทัพบกไทยออกประกาศควบคุมพื้นที่แนวชายแดน โดยกำหนดมาตรการให้การผ่านเข้า-ออก ที่ จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน สามารถดำเนินการนำรถสินค้าข้ามแดนได้ไม่เกินวันละ 50 คันต่อฝั่ง (ขาเข้า 50 คัน ขาออก 50 คัน) ในช่วงเวลา 08.00–10.00 น. เพื่อควบคุมสถานการณ์และความสงบเรียบร้อยในพื้นที่

ซึ่งจากการลงพื้นทที่สังเกตการณ์ พบว่าแม้ฝ่ายไทยจะเปิดด่านในช่วงเวลา 08.00 น. ตามปกติ แต่ในเวลา 09.00 น. ฝ่ายกัมพูชายังไม่เปิดด่าน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการผ่านแดนได้ตามปกติ ซึ่งสอดคล้องกับประกาศของกรมตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา ที่ออกข้อกำหนดชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าเข้า-ออก หรือผ่านด่านชายแดนระหว่างประเทศและด่านภูมิภาคใด ๆ ตลอดแนวชายแดนกัมพูชา–ไทยในทุกกรณี โดยปัจจุบันไม่มีรถสินค้ามารอข้ามแดน และจากการสอบถามทางด้านศุลกากรด่านเขาดิน ทราบมาจาก shipping ว่ายังคงมีลดสินค้าฝั่งไทยตกค้างอย่างฝั่งกัมพูชาประมาณ 10 คัน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการผ่อนผันในพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน โดยเปิดให้ชาวกัมพูชาใช้หนังสือผ่านแดน (Border Pass) เดินทางเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้วันเดียว โดยไม่รับหนังสือเดินทาง (Passport) และห้ามรถจักรยานยนต์เข้าทุกกรณี ยกเว้นรถจักรยาน 2 ล้อ เวลาเดินทางเข้าไทยแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ 08.00–09.30 น., 10.30–12.00 น. และ 13.00–15.00 น. จำกัดจำนวนผู้เดินทางเข้า 300–400 คนต่อรอบ / สำหรับนักเรียน-นักศึกษาชาวกัมพูชาให้เข้าได้ 06.00–08.00 น. และกลับช่วง 17.00–18.00 น. / แต่ภายใต้สถานการณ์ล่าสุด การเคลื่อนไหวของประชาชนและการค้าขายยังไม่สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมแนวทางรองรับในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งจากทางการกัมพูชาในอนาคต

ขณะเดียวกัน นายสมออน ชาวพระตะบอง ที่หอบสัมภาระทั้งหมดย้ายกลับบ้าน พร้อมภรรยาและลูกชาย 1 คน บอกว่าตัดสินใจยากมากในการกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากผูกพันกับประเทศไทยมาถึง 11 ปี แต่ในการตัดสินใจกลับครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดน เกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งการกลับไปในครั้งนี้ก็ยังไม่มีแผนว่าจะทำงานอะไร เพราะไปฝั่งกัมพูชาก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ ขอไปตั้งหลักก่อน ยืนยันว่าจะพาลูกและภรรยากลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกอย่างแน่นอน