รบ.สุดทน! ซัด “แกนนำม็อบสาวรีย์ฯ”เรียกหารถถัง หวังล้มกระดานการเมืองไทย ฉุดประเทศกลับด้อยพัฒนา พร้อมยืนหยัดทำหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย “เพื่อไทย” ลั่น รับไม่ได้ “แกนนำม็อบ”ปลุก “รัฐประหาร” ชี้ 20 ปี ที่ผ่านมา “ปชช.เจ็บปวด-สูญเสีย” ประเมินค่าไม่ได้ ส่วน “พร้อมพงศ์” จับโป๊ะ“แกนนำ”ปูทางมีอำนาจ หวังเสี้ยม“รัฐบาล” ชน “กองทัพ” วอนคนไทยสามัคคี ขณะที่ “ปชน.” ร่วมประณาม” ม็อบยุรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา เป็นสิทธิในการแสดงออกตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่ในส่วนของเนื้อหาการปลุกระดมและปราศรัยของแกนนำผู้ชุมนุมนั้น ในยุคที่ประเทศไทยผ่านร้อนผ่านหนาวมา 93 ปีของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น เห็นเป็นทฤษฎีของประเทศไทยแล้วว่า การปฏิวัติรัฐประหารไม่เคยเป็นคำตอบที่ ใช่ มาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ละครั้งมีแต่จะฉุดรั้งให้ประเทศถอยหลังลงคลองมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งเชื่อว่าหากมีการปกครองด้วยระบอบรัฐประหารอีก ไทยจากประเทศ กำลังพัฒนาคงจะถูกปรับไปเป็นประเทศด้อยพัฒนา ในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน
นายจิรายุกล่าวต่อว่า แกนนำหลายคนที่ เรียกร้องหารถถังบนเวที เป็นสิ่งที่คนไทยและประเทศไทย ไม่อาจยอมรับได้ แกนนำหลายคน ในอดีตปากเคยบอกว่าขอต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงขอเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศ ร่วมกันต่อต้านแนวทางดังกล่าว และรู้ทันบุคคลเหล่านี้ ที่แสวงหาอำนาจจากการปฏิวัติ ยึดอำนาจมาตลอด 20 ปี ที่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ต่างเจ็บปวด และเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้จากการเรียกร้องของคนกลุ่มเดิมๆ
" รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน นอกจากมีหน้าที่จะต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศแล้วยังมีหน้าที่หลักสำคัญที่จะต้องปกป้องอำนาจอธิปไตยของประชาชนคนไทยทุกคน เราจะรวมใจกันแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะไม่ สนับสนุนการทำปฏิวัติ รัฐประหาร และจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้อีก " นายจิรายุย้ำ
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า จากเนื้อหาการปราศรัยเห็นอย่างชัดเจนว่า แกนนำพร้อมที่จะดึงประเทศถอยหลังลงคลองโดยไม่สนใจประชาชนกว่า 70 ล้านคน จะเป็นจะตายหรือจะอยู่กันอย่างไร ท่ามกลางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศ ในภูมิภาคและระดับโลกที่รุมเร้า อีกทั้ง การปราศรัย ทำให้เห็นความเชื่อมโยงของแกนนำ ที่สอดรับกับผู้นำกัมพูชา ที่ยุยงปลุกปั่น และก้าวล่วง แทรกแซงคนไทยและประเทศไทยมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ว่าจะสามารถยิงขีปนาวุธได้ถึงกรุงเทพมหานคร การกล่าวว่ารัฐบาลปฏิวัติของไทยสามารถทำงานร่วมกัน กับตนเองได้โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายได้อย่างราบรื่น ซึ่งล้วนแล้วแต่ สอดรับกับคำปราศรัย และแนวทางที่กลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมมีความประสงค์จะโค่นล้มรัฐบาลหรือให้มีการปฏิวัติรัฐประหารอันนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ และการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นอย่างชัดเจน
"ทั้งนี้ รัฐบาลจะยืนหยัดในการธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอเรียกร้องให้องค์กรต่าง ๆ ที่ร่วมกันต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารได้จับมือประสานกันรณรงค์เพื่อต่อต้านกลุ่มบุคคล ที่เรียกร้องให้ทำการปฏิวัติรัฐประหารเพื่อไม่ให้ประเทศไทยบอบช้ำไปมากกว่านี้" นายจิรายุกล่าว
ส่วน นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า การชุมนุมเป็นการแสดงออกเป็นสิทธิตามกฎหมาย และเป็นการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยปราศจากความรุนแรง ปราศจากอาวุธ และชอบด้วยกฎหมาย แต่สิ่งที่พรรคเป็นห่วง คือเนื้อหาการปลุกระดมของแกนนำบางท่านที่มีการพูดถึงการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่อาจจะรับได้ แต่ขอเรียกร้องไปยังพี่น้องประชาชนที่รักในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าพวกเราจะไม่เดินทางไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารอีกแล้ว
นายดนุพร กล่าวว่า ทั้งนี้ 20 ปีที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนหลายคนมีความเจ็บปวดอย่างประเมินค่าไม่ได้ มีการสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมากกับการเรียกร้อง และขัดขวางการรัฐประหาร เพราะฉะนั้นขอเรียนว่าทางพรรคไม่อาจรับได้เรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประกอบไปด้วยกลุ่มคนหน้าเดิม ม็อบเสื้อเหลือง กลุ่มนักการเมือง สว.อกหัก กลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ ชินวัตร ที่เคยมีส่วนทำให้เกิดรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และ 22 พ.ค.57 ประเด็นปราศรัยเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขับไล่รัฐบาล เอาประเด็นคลิปเสียงการสนทนาหาทางออกแก้ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนไทย กัมพูชา อย่างสันติวิธีของ นางสาวแพทองธาร กับ สมเด็จ ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรี มาปลุกกระแสคลั่งชาติ พยายามจะชี้ให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีกับกองทัพเกิดความขัดแย้ง ผู้ปราศรัยบางคน ปิดความต้องการไม่มิด เรียกร้องยึดอำนาจ จ้องจะทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลองอย่างเดียว ไม่ยอมจำบทเรียนในอดีต ไม่ยอมปล่อยให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง คิดแต่จะเอาแนวทางที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยอย่างเดียว
“กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปลุกกระแสล้มรัฐบาล อ้างโน่นอ้างนี่ ทะเลาะกับกองทัพ อยากให้ย้อนไปดูในข้อเท็จจริงบ้าง หลังจากนางสาวแพทองธาร มีประเด็นกับ สมเด็จ ฮุนเซน ไทยมีท่าทีอ่อนข้อให้ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ มีแต่จะเข้มข้นขึ้น นายกฯมอบหมายภารกิจอย่างชัดเจนให้กองทัพดูแลเรื่องดินแดน เขตแดน กำลังพล กำหนดยุทธวิธีทางทหาร เปิดปิดด่าน ยังไม่มีการปรับลดกำลังพล แผ่นดินไทยยังไม่ได้เสียไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว รัฐบาลได้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดการนำเข้าส่งออก พลังงาน ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต พืชผลการเกษตรบางชนิด เดินหน้าปราบปรามการค้ามนุษย์ ปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ อย่างจริงจัง และอีกหลายมาตรการที่กำลังจะออกมา ผมไม่อยากจะพูดว่า พอคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซน ที่ออกมาวันศุกร์ 27 มิ.ย. ไม่ได้เขย่าอะไร รัฐบาลแพทองธาร ไม่ได้ลากไส้อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อย่างที่กลุ่มม็อบคาดหวัง แถมสื่อกัมพูชารายงานเองว่า สมเด็จ ฮุนเซน ไม่ได้มองไทยเป็นศัตรู พร้อมกับหวังว่าสัมพันธ์การทูต แนวทางสันติวิธีจะแก้ไขปัญหาได้ กลุ่มม็อบเลยต้องกลับมาฉายหนังซ้ำเรื่องเดิมๆ ขุดอดีตเขาพระวิหาร เรื่องศาลโลก เอ็มโอยูทางทะเล ชั้น14โรงพยาบาลตำรวจ ขยายประเด็นเกินจริงไปมากเรื่องชาตินิยม คลั่งชาติ คอยแต่จะเสี้ยมกองทัพกับรัฐบาลจะให้แตกหัก ทะเลาะกันให้ได้ การบริหารงานล้มเหลว โจมตีอดีตนายกฯทักษิณเพื่อจะให้กระทบนางสาวแพทองธาร ให้ได้ ต้องการที่จะไล่เช็คบิลรัฐบาล เอะอะก็ ยุบสภาฯ ลาออก ไอ้โม่งอกหัก ได้ทีผสมโรง ร่วมปลุกม็อบขับไล่กับเขาไปด้วย สุดท้ายเพียงเพื่อต้องการอะไรที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยอย่างนั้นอีกใช่หรือไม่” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การชุมนุม เสนอแนะหาทางออกให้กับรัฐบาลอย่างสันติวิธีตามกฎหมายนั้น ทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือ ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน การเลือกสถานที่ชุมนุม อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การชุมนุมทั้งการ์ดผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะช่วยกันดูแล ไม่เกิดเหตุรุนแรง การสูญเสีย แต่อีกมุมหนึ่ง ได้ยินเสียงบ่น การชุมนุมทำให้การจราจรติดขัดไปหลายเส้นทาง ขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อญาติคนป่วย คนป่วย ที่ต้องไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่ในอาณาบริเวณดังกล่าวพลอยได้ความเดือดร้อนตามไปด้วย
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า การเรียกร้องของผู้ชุมนุมหรือความต้องการที่จะให้นายกฯลาออก ให้ยุบสภา แม้แต่พรรคประชาชนก็ไม่เห็นด้วยกับท่าทีผู้ปราศรัยเรียกร้องให้เกิดรัฐประหาร ปลุกปั่นกระแสชาตินิยมเกินขอบเขต ปูทางให้เกิดรัฐประหาร ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ไม่เอาอีกแล้ว เพราะจากการรัฐประหารมา2รอบ ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้จริง มีแต่จะเพิ่มความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น และถ้านายกฯลาออก หรือยุบสภายิ่งจะเกิดสุญญากาศการเมือง เกิดปัญหากับประเทศ กว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ต้องใช้เวลานานกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ยิ่งทำให้การแก้ปัญหาลำบาก
“เรากำลังจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบประมาณกว่า 1.5แสนล้านบาท อาจจะต้องชะงักไป จากการลงพื้นที่ของตน พบว่าประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รับมือผลกระทบจากปัญหาในตะวันออกกลาง อิหร่าน-อิสราเอล รวมทั้งเรื่องกำแพงภาษีจากสหรัฐ เรื่องราวจากรัสเซีย-ยูเครน ต้องอาศัยความร่วมมือ การทำหน้าที่ของรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ข้อเรียกร้องจากฝั่งผู้ชุมนุม เรารับฟัง แต่สิ่งที่ไอ้โม่งเบื้องหลังต้องการ ไม่เพียงแค่จะทำให้รัฐบาลพัง แต่ประชาชนทั้งประเทศจะพังไปด้วย รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จากปัญหาไทยกับกัมพูชา ไม่อยากเห็นคนไทยแตกความสามัคคี แบ่งสี เกิดความขัดแย้ง แบ่งข้างเหมือนที่เคยเป็นมา เรากำลังจะมีครม.ชุดใหม่ มาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ขอโอกาสได้ทำงานก่อน ถ้าเห็นว่ารัฐมนตรีบริหารผิดพลาด สามารถใช้ช่องทางกฎหมายยื่นจัดการได้เลย อีกแค่ 2 ปี จะมีการเลือกตั้ง รอให้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยพิพากษาผ่านการเลือกตั้ง ถือเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหา โดยไม่ทำให้ประเทศต้องหยุดชะงักและเกิดสุญญากาศทางการเมือง”
เพจเฟซบุ๊คของพรรคประชาชน - People's Party โพสต์ความเห็นของพรรคต่อการชุมนุมของ “คณะรวมพลังแผ่นดิน” โดยระบุว่าการชุมนุมที่นำโดย “คณะรวมพลังแผ่นดิน” เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แม้จะมีข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลาออก และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องตามปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่า การปราศรัยของแกนนำบนเวทีบางคนกลับมีเนื้อหาที่เปิดทางให้กับการรัฐประหาร รวมถึงมีการปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต
พรรคประชาชนขอประณามการสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง
พรรคประชาชนขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนการชุมนุมด้วยความไม่พอใจต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ถอนตัวจากการสนับสนุนคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีแกนนำบางคนมีเจตนาสนับสนุนการรัฐประหารและการแทรกแซงการเมืองด้วยวิถีทางนอกประชาธิปไตย เพราะแม้ว่าการแสดงออกทางการเมืองด้วยการชุมนุมประท้วงจะเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่พวกเราคนไทยต่างได้รับบทเรียนอย่างดีแล้วว่า 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศชาติและประชาชนบอบช้ำเสียหายอย่างไม่อาจประเมินได้ จากการรัฐประหาร 2 ครั้ง และปัญหาการเมืองของเราไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิถีทางนอกประชาธิปไตย ผลพวงจากการรัฐประหารกลับซ้ำเติมปัญหาการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล การคอรัปชั่น กระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว และการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องและกลุ่มทุนผูกขาดเสียด้วยซ้ำ
วันนี้เราต้องไม่ยินยอมให้ใครฉวยโอกาสเอาความผิดพลาดล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล มาเปิดทางให้กับการรัฐประหารหรือการแก้ปัญหาการเมืองด้วยวิถีทางที่ขัดต่อประชาธิปไตยอีก ซึ่งมีแต่จะก่อวิกฤตซ้ำซ้อนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น พรรคประชาชนขอยืนยันว่า ทางออกจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ที่ดีที่สุด คือหนทางปกติตามระบบรัฐสภา นั่นคือการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้แก่ประชาชน เพื่อให้อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นผู้กำหนดอนาคตของบ้านเมืองด้วยตนเองว่าต้องการผู้นำและรัฐบาลใหม่แบบไหน