วันที่ 29 มิ.ย.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก เทพไท - คุยการเมือง ระบุว่า...สังเคราะห์เจตนารมณ์มวลชนในม็อบ ผมมีโอกาสไปสังเกตการณ์การชุมนุมของพี่น้องประชาชน ที่ชุมนุมกันในนามกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในฐานะนักวิเคราะห์การเมืองอิสระ เพื่อรับฟังความเห็นและเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน ได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ได้ถ่ายรูป ได้พูดคุย ได้รำลึกถึงความหลัง ในการต่อสู้การเมืองในภาคประชาชน และได้รับฟังคำปราศรัยของวิทยากร หรือผู้ปราศรัยหลายคน สิ่งที่ได้พูดคุยกับประชาชน พอจะแยกแยะความเห็นของประชาชน เจตนารมย์ หรือจุดยืน ท่าทีเกี่ยวกับการเข้าร่วมการชุมนุม มีเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น
1.เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รับผิดชอบทางการเมือง โดยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎร สรรหาผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
2.เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะนางสาวแพทองธาร ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ประโยชน์ ประเทศชาติไม่เสียหาย จึงจำเป็นต้องคืนอำนาจการเลือกตั้งให้ประชาชนไปพิจารณาเลือกตั้งใหม่ เพื่อพิสูจน์จากผลการเลือกตั้งว่า นางสาวแพทองธารผิดหรือไม่ 3.กลุ่มคนต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไรก็ได้ ขอให้นางสาวแพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป คือจะลาออกก็ได้ จะยุบสภาก็ได้ ไม่ติดใจในเรื่องทางออก ขอให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 4.กลุ่มคนหรือประชาชนที่ต้องการจะมาแสดงพลังว่า เป็นผู้รักชาติ รักอธิปไตย ต้องการให้สมเด็จฮุนเซน หรือคนประเทศกัมพูชา รู้ว่าคนไทยรักชาติ ไม่ยอมให้ชาติใดมาล่วงล้ำอธิปไตย หรือมาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
5.กลุ่มคนบางส่วนมีความเห็นว่า ถ้าบ้านเมืองถึงทางตัน นางสาวแพทองธาร ดื้อแพ่ง ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ผิด ดังนั้นถ้าจะมีอำนาจนอกระบบก็ไม่ขัดข้อง ทั้งหมดนี้คือ ความเห็นที่ประมวลได้จากพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุม ส่วนบนเวทีปราศรัย วิทยากรผู้ปราศรัยต่างๆ จะปราศรัยตามจุดยืน ตามสไตล์ของตัวเอง ซึ่งเป็นอิสระที่พี่น้องประชาชน จะเก็บไปเป็นข้อมูล รับฟังแล้วก็ไตร่ตรองกันเองแล้วค่อยตัดสินใจว่า เห็นด้วยกับความเห็นของวิทยากรคนไหนบ้าง ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการชุมนุมที่มีพี่น้องประชาชนร่วมแสดงพลังเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นการชุมนุมเรื่องอธิปไตยของชาติ ไม่มีสีเสื้อ ไม่มีพรรคการเมือง ไม่มีกลุ่มการเมือง ไม่เลือกฝ่าย แต่เป็นเรื่องของคนไทยรักในอธิปไตยทุกคน รูปแบบการชุมนุมไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อ สามารถชุมนุมผ่านโซเชี ยลผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อถึงโอกาสถึงเวลาอันควร ค่อยมาแสดงพลังกันในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตกับประจำวันของพี่น้องประชาชน และไม่สร้างความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจของชาติ สำหรับทางออกและข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล และนางสาวแพทองธาร เมื่อพลังประชาชนต่อต้านรัฐบาล แสดงออกมากมายเช่นนี้ นางสาวแพทองธาร ควรตัดสินใจในทันที ไม่ลาออกก็ยุบสภา อย่าให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง เข้ามาจัดการ ซึ่งจะเป็นการสูญเสียการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
สังเคราะห์เจตนารมณ์มวลชนในม็อบ
ผมมีโอกาสไปสังเกตการณ์การชุมนุมของพี่น้องประชาชน ที่ชุมนุมกันในนามกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในฐานะนักวิเคราะห์การเมืองอิสระ เพื่อรับฟังความเห็นและเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน ได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ได้ถ่ายรูป ได้พูดคุย ได้รำลึกถึงความหลัง ในการต่อสู้การเมืองในภาคประชาชน และได้รับฟังคำปราศรัยของวิทยากร หรือผู้ปราศรัยหลายคน
สิ่งที่ได้พูดคุยกับประชาชน พอจะแยกแยะความเห็นของประชาชน เจตนารมย์ หรือจุดยืน ท่าทีเกี่ยวกับการเข้าร่วมการชุมนุม มีเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น
1.เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รับผิดชอบทางการเมือง โดยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎร สรรหาผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
2.เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะนางสาวแพทองธาร ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ประโยชน์ ประเทศชาติไม่เสียหาย จึงจำเป็นต้องคืนอำนาจการเลือกตั้งให้ประชาชนไปพิจารณาเลือกตั้งใหม่ เพื่อพิสูจน์จากผลการเลือกตั้งว่า นางสาวแพทองธารผิดหรือไม่
3.กลุ่มคนต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไรก็ได้ ขอให้นางสาวแพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป คือจะลาออกก็ได้ จะยุบสภาก็ได้ ไม่ติดใจในเรื่องทางออก ขอให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
4.กลุ่มคนหรือประชาชนที่ต้องการจะมาแสดงพลังว่า เป็นผู้รักชาติ รักอธิปไตย ต้องการให้สมเด็จฮุนเซน หรือคนประเทศกัมพูชา รู้ว่าคนไทยรักชาติ ไม่ยอมให้ชาติใดมาล่วงล้ำอธิปไตย หรือมาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
5.กลุ่มคนบางส่วนมีความเห็นว่า ถ้าบ้านเมืองถึงทางตัน นางสาวแพทองธาร ดื้อแพ่ง ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ผิด ดังนั้นถ้าจะมีอำนาจนอกระบบก็ไม่ขัดข้อง
ทั้งหมดนี้คือ ความเห็นที่ประมวลได้จากพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุม ส่วนบนเวทีปราศรัย วิทยากรผู้ปราศรัยต่างๆ จะปราศรัยตามจุดยืน ตามสไตล์ของตัวเอง ซึ่งเป็นอิสระที่พี่น้องประชาชน จะเก็บไปเป็นข้อมูล รับฟังแล้วก็ไตร่ตรองกันเองแล้วค่อยตัดสินใจว่า เห็นด้วยกับความเห็นของวิทยากรคนไหนบ้าง
ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการชุมนุมที่มีพี่น้องประชาชนร่วมแสดงพลังเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นการชุมนุมเรื่องอธิปไตยของชาติ ไม่มีสีเสื้อ ไม่มีพรรคการเมือง ไม่มีกลุ่มการเมือง ไม่เลือกฝ่าย แต่เป็นเรื่องของคนไทยรักในอธิปไตยทุกคน รูปแบบการชุมนุมไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อ สามารถชุมนุมผ่านโซเชี ยลผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อถึงโอกาสถึงเวลาอันควร ค่อยมาแสดงพลังกันในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตกับประจำวันของพี่น้องประชาชน และไม่สร้างความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจของชาติ
สำหรับทางออกและข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล และนางสาวแพทองธาร เมื่อพลังประชาชนต่อต้านรัฐบาล แสดงออกมากมายเช่นนี้ นางสาวแพทองธาร ควรตัดสินใจในทันที ไม่ลาออกก็ยุบสภา อย่าให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง เข้ามาจัดการ ซึ่งจะเป็นการสูญเสียการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง