ยังคงต้องจับตามองในเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น จากปัญหาความรุนแรงระหว่างอิสราเอล และอิหร่าน  และล่าสุดจะมีการประกาศตกลงที่จะหยุดยิง ยุติสงคราม 12 วัน ที่ผ่านมา แต่ก็จะไว้วางใจได้               

ทั้งนี้ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”  ของสหรัฐฯ ได้ประกาศในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 3% หลังมีการปรับลดลงมากถึง 9% ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน หลังอิหร่านทำการโจมตีใส่ฐานทัพสหรัฐในประเทศกาตาร์ ซึ่งไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง และส่งสัญญาณว่าได้เสร็จสิ้นการตอบโต้สหรัฐแล้ว ทำให้คลายความกังวลว่าอิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ

ล่าสุดราคาน้ำมันดิบร่วงหนักกว่า 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันจันทร์ (23 มิ.ย.)  โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 5.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ก็ลดลง 5.53 ดอลลาร์เช่นกัน ปิดที่ 71.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ด้านราคาทองคำในตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ปรับขึ้นเล็กน้อย 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 3,395.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนระหว่างอิหร่านและอิสราเอล

มิเชลล์ โบว์แมน รองประธานเฟด ระบุว่าถึงเวลาแล้วที่เฟดจะต้องประเมินนโยบายการเงินใหม่ ขณะที่ ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟด สาขาชิคาโก ชี้ว่ามาตรการรีดภาษีส่งผลลบต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่คาดไว้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% อย่างน้อยสองครั้งภายในปีนี้ ซึ่งคาดว่าครั้งแรกจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน หากไม่มีการดำเนินการเร็วกว่านั้น

ประจันต์ นิวนาฮา นักกลยุทธ์อาวุโสภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ TD Securities ให้ความเห็นว่า ตอนนี้ตลาดมองว่าความเสี่ยงที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางจะลุกลามบานปลายได้เริ่มคลี่คลายลง ทำให้ตลาดเริ่มเปลี่ยนไปให้ความสนใจที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า การที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยุติเร็วกว่าที่คาดการณ์ ทำให้มีความคาดหวังว่าเรื่องภาษีและข้อตกลงการค้าจะได้ข้อยุติเร็วขึ้นเช่นกัน

ขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในบ้านเราที่เชื่อว่าน่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวนสูงขึ้นนั้น พรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สงครามในตะวันออกกลาง ล่าสุดอิสราเอล-อิหร่านบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ ยุติความขัดแย้ง 12 วัน และเป็นการส่งสัญญาณที่น่าจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงจากช่วงที่ผ่านมา  เพราะว่าสงครามคงไม่ลุกลาม หรือขยายวงไปมากกว่าที่เป็นอยู่

ด้าน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โฆษกกระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์ราคาน้ำมันโลกต่อการค้าและเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยว่า ราคาน้ำมันโลกเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจการค้าทั่วโลก โดยเฉพาะในกรณีของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ (net oil importer) ความผันผวนของราคาน้ำมันจึงไม่เพียงสะท้อนต้นทุนพลังงานเท่านั้น หากยังแทรกซึมสู่ทุกมิติของระบบการค้า ทั้งด้านต้นทุนการผลิต ระบบโลจิสติกส์ ไปจนถึงมูลค่าการนำเข้า รวมถึงดุลการค้าของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานชี้ว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีความต้องการใช้น้ำมันดิบเฉลี่ยมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่สามารถผลิตได้ภายในประเทศเพียง 70,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 7% ส่วนอีกกว่า 93% จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ความไม่สมดุลด้านโครงสร้างพลังงานดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมีผลต่อเสถียรภาพทางการค้าโดยตรงและต่อเนื่อง

สถานการณ์ปัจจุบันและผลกระทบต่อตลาดโลกในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 โลกต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาน้ำมันอีกครั้ง จากเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ราคาน้ำมันดิบพุ่งแตะระดับ 74 – 77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากเดือนก่อน ท่ามกลางความกังวลว่า หากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันสำคัญของโลก ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะลุ 100 – 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ในระยะเวลาอันสั้น เพื่อบรรเทาความตึงเครียด

ด้านอุปทาน กลุ่ม OPEC+ ได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตอีก 400,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ซาอุดีอาระเบียแสดงความพร้อมเพิ่มปริมาณการผลิตเพิ่มเติม หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียด เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและลดแรงกดดันต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความพยายามของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในการควบคุมเสถียรภาพด้านราคาท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

แม้สัญญาณความรุนแรงระหว่างอิสราเอล และอิหร่าน จะหยุดลง!

แต่ก็ยังต้องติดตามความวุ่นวายที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง!!

โปรดอย่าพึ่งเบาใจ!!!