ปัญหาหลายเรื่อง ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเมืองกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีการร่วมมือกันหลายภาคส่วน ตามบทบาทหน้าที่ของตน โดยเฉพาะสภา กทม.เป็นอีกแรงผลักดันสำคัญ ที่สามารถสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนกรุงเทพฯ ได้ ผ่านการศึกษาข้อมูล และการทำความร่วมมือกับเมืองต่าง ๆ เพื่อนำโครงการที่ทำสำเร็จแล้วมาแนะนำแก่ฝ่ายบริหาร กทม. และปรับใช้ในกรุงเทพมหานคร

นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ที่ผ่านมา สภา กทม.สร้างความร่วมมือกับหลายเมือง เพื่อนำความรู้ต่าง ๆ มาช่วยแก้ปัญหาในกรุงเทพฯ ส่วนในยุคปัจจุบัน การทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และการแลกเปลี่ยนความรู้ จุดประสงค์เพื่อนำแนวทางมาปรับใช้กับเมืองกรุงเทพมหานคร สอดคล้องกับแนวคิดการทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. โดยมองว่าเป็นเป้าหมายสำคัญ ที่ต่างต้องร่วมมือกันดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก และบริหารจัดการเมือง โดย สภา กทม.มีการทำ MOU และศึกษาแนวทางดำเนินโครงการต่าง ๆ ในหลายเมือง ล่าสุดมีการหารือปรับปรุงข้อตกลงระหว่างสภา กทม. กับสภาเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีการทำ MOU ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เนื่องจากโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ทั้งการบริหารจัดการ การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ รวมถึง สภา กทม.มีการตั้งคณะกรรมการสามัญประจำสภาเพิ่มอีก 1 คณะ คือคณะกรรมการยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีดิจิทัล

“ได้หารือกับเมืองเซี่ยงไฮ้ถึงแนวทางฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวให้กลับมา และการพัฒนาด้านคมนาคมของกรุงเทพฯ ภายหลังการเยือนของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เมื่อเดือนมกราคม 2567 ซึ่งวางรากฐานความร่วมมือด้านการบริหารเมืองกับเซี่ยงไฮ้ไว้ สภา กทม.เน้นผลักดันนโยบายและข้อบัญญัติที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ตามกรอบอำนาจที่มีอย่างเต็มที่ เช่น ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2568 และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567”

นอกจากนี้ยังมีประเด็นหารือเรื่องการจัดการขยะของกรุงเทพมหานคร การปรับเปลี่ยนรถขยะที่เดิมเป็นรถสันดาปให้เป็นรถ EV ซึ่งที่ผ่านมากรุงเทพมหานคร มีการเปิดประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e–bidding) แต่ยังไม่สามารถหาผู้เสนอราคาที่มีข้อเสนอตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของกรุงเทพมหานครได้ และยังมีปัญหาในเรื่องอื่น ๆ อีก เช่น รถ EV ขนาดความจุขยะน้อยกว่ารถรูปแบบเดิม ปัญหาสถานที่จอดรถ สถานีชาร์จพลังงาน เป็นต้น ซึ่งหากมีแนวโน้มหรือได้รับการสนับสนุนทางจีนเข้าไปลงทุนในเรื่องนี้ได้ เราจะได้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญในการจัดการขยะ และเกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ในภาคแรงงานของไทยอีกด้วย

นายสุรจิตต์ กล่าวว่า จากการไปเยือนสภาเมืองเซี่ยงไฮ้ ได้แลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรม ส่วนรายละเอียดการทำงาน เน้นความสอดคล้องกับคณะต่าง ๆ ของสภา กทม.ตามอำนาจหน้าที่ และการบริหารสภาเมืองในยุคปัจจุบัน ซึ่งอาจมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มเติม โดยการปรับปรุง MOU ดังกล่าว เป็นการต่อยอดความสัมพันธ์กว่า 26 ปี นับตั้งแต่ลงนามฉบับแรกในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านกฎหมายท้องถิ่น การบริหารจัดการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการส่งเสริมศักยภาพของประชาชนในทั้งสองมหานคร

“ในฐานะประธานสภากรุงเทพมหานคร รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมลงนามปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่ สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองเมืองในการเดินหน้าพัฒนาอย่างยั่งยืน เซี่ยงไฮ้เป็นมหานครที่มีพลังสร้างสรรค์ เติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน กรุงเทพฯ ก็เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยศักยภาพ ความร่วมมือนี้จะเป็นสะพานเชื่อมโยงการพัฒนาคนและเมืองของทั้งสองฝ่าย ให้สามารถเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และเติบโตไปด้วยกันในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง”

แม้กรุงเทพฯ และเซี่ยงไฮ้จะมีบริบทที่แตกต่างกัน ทั้งด้านภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และโครงสร้างเมือง แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือความมุ่งมั่นในการสร้างเมืองที่น่าอยู่สำหรับประชาชน การจับมือกัน จะช่วยให้สามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายร่วมกันได้มั่นคงยิ่งขึ้น ภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับใหม่นี้ ทั้งสองเมืองจะเดินหน้าสานต่อความร่วมมือในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารเมืองอัจฉริยะ การจัดการสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเยาวชน และการส่งเสริมบทบาทของสภาท้องถิ่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง

จากการศึกษาแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมของเซี่ยงไฮ้ พบว่า ปัจจุบันเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ มีประชากรประมาณ 25 ล้านคน และประชากรแฝงอีก 3 ล้านคน รวม 28 ล้านคน มีจำนวนขยะที่จัดเก็บได้วันละ 28,000 ตัน การบริหารจัดการขยะของเซี่ยงไฮ้ เพิ่งได้ผลเป็นรูปธรรมเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางรัฐบาลได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนคัดแยกขยะมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 หรือกว่า 20 ปีมาแล้ว โดยรัฐบาล หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ มีการผลักดันเรื่องการแยกขยะ จนในที่สุดสภาประชาชนนครเซี่ยงไฮ้ได้เห็นชอบข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแยกขยะ รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามแต่ละสภาเมืองที่ไปแลกเปลี่ยนความรู้ มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการแต่ละเรื่องแตกต่างกัน ยกตัวอย่าง ในด้านการจัดการขยะ เมืองลอนดอน มีการเก็บขยะไปแปรเป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วนำพลังงานไฟฟ้าไปใช้กับรถระบบ EV ต่าง ๆ โดยเฉพาะรถเก็บขยะเอง ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีมาบริหารจัดการแบบครบวงจร ปัจจุบัน สภา กทม.อยู่ระหว่างรอกำหนดวันทำ MOU กับสภาเมืองลอนดอน เพื่อนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาปรับใช้

“บทบาทหน้าที่ของสภา กทม. เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ พร้อมจะสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของฝ่ายบริการ กทม.ที่เป็นประโยชน์และคุ้มค่ากับคนกรุงเทพฯ ทั้งในด้านความรู้ การพิจารณางบประมาณ แต่บางครั้งอาจมีการตัดงบประมาณโครงการต่าง ๆ ตามความจำเป็น เนื่องจากอาจมีเอกสารโครงการไม่ครบ หรือข้อมูลไม่เพียงพอ และอาจใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า เนื่องจากงบประมาณกรุงเทพมหานครมีประมาณ 9 หมื่นล้าน ร้อยละ 40 คือเงินเดือนข้าราชการ และยังมีงบโครงการต่อเนื่องจากผู้บริหารชุดเก่า งบแก้ปัญหาจากที่ ส.ก.อภิปรายนำเสนอ และงบโครงการใหม่ของฝ่ายบริหาร กทม. ดังนั้น งบประมาณที่เหลือต้องใช้ให้คุ้มค่า แก้ปัญหาและเกิดประโยชน์กับกรุงเทพมหานครมากที่สุด”