วันที่ 26 มิ.ย.2568 เวลา 10.15 น. ที่รัฐสภา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยสว. อาทิ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย , นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร, ร่วมกิจกรรม “ไทยช่วยไทย” โดยจัดจำหน่ายผลไม้ให้กับข้าราชการรัฐสภาเพื่อรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา ที่ทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศงดรับซื้อผลไม้ของไทย ซึ่งในวันนี้ได้นำทุเรียนนำแร่ จากจ.บุรีรัมย์จำนวน 600 กิโลกรัม มาจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 120 บาท และมังคุด 2,300 กิโลกรัม จำหน่ายในราคา 5 กิโลกรัม 175 บาท โดยได้รับความสนใจจาก ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐสภา รวมถึงสส. เช่นน.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานีและโฆษกพรรคภูมิใจไทย เป็นอย่างมากซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งที่2

โดยนายมงคล กล่าวว่า ขณะนี้ผลไม้ล้นตลาด เพราะปีนี้ผลผลิตทางการเกษตรออกมาดีมากรวมถึงสถานการณ์ชายแดน เราจึงเข้าไปตัดวงจรพ่อค้าคนกลาง เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรส่งตรงถึงผู้ผลิตถึงผู้บริโภค ราคาทุเรียนที่นำมาจำหน่ายในวันนี้ก็สูงกว่าราคาที่เกษตรกร จำหน่ายให้พ่อค้าคนกลาง ถึงกัมพูชาจะประกาศแบนสินค้าทางการเกษตรไทย เรามีขายที่วุฒิสภาและเชื่อว่าหลังจากนี้หลายกระทรวง รวมถึงหลายหน่วยงานโดยเฉพาะหอการค้าแต่ละจังหวัด จะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเชื่อมั่นว่าราคาผลไม้ไทยจะกระเตื้องมากขึ้น

จากนั้นมงคลให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มส.ว. ของเรามีหลายกลุ่มวิชาชีพ ฉะนั้นพวกเราจะรู้ฤดูกาลผลิตที่ผลผลิตจะออกมาพร้อมกัน รวมถึงสถานการณ์ผลไม้ล้นตลาด ดังนั้นกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยให้เกษตรกรไม่ขาดทุนเมื่อเกษตรกรเดือดร้อนเนื่องจากราคาผลผลิตตกต่ำ หากปล่อยไว้จะทำให้ได้รับความเสียหาย กิจกรรมไทยช่วยไทย เกษตรกรก็จะ ขายของแพง ผู้ผลิตจะได้ซื้อของถูก ยืนยันว่ากิจกรรมดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการรับมือกับสถานการณ์ไทย กัมพูชา

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามประเด็นการเมืองถึงการที่พรรคภูมิใจไทยประกาศเตรียมขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ได้รับการประสานมาหรือไม่ นายมงคลปฏิเสธตอบ พร้อมทำมือปิดปาก ก่อนระบุว่าตนขอพูดเรื่องผลไม้ก่อน ขอคุยเรื่องนี้ก่อน ยังไม่ต้องการพูดเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น

พร้อมปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณาคำร้องของ 36 สว. จากเดิม 8 ก.ค.  มาเป็น 1 ก.ค. มีนัยยะทางการเมืองหรือไม่