เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.68 พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี หรือ "เสธ.นิด" อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Vachara Riddhagni" ระบุว่า
ข้าฯ ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้าฯ จักยอมตาย เพื่ออิสรภาพ และความสงบแห่งประเทศชาติ และประชาชน
ข้าฯ จักอยู่ในศีลธรรมของศาสนา และจรรยาบรรณ
ข้าฯ จะเทิดทูนและรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า
ข้าฯ จักรักษาไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้าฯ จักเชื่อถือผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งจักปกครองแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความยุติธรรม
ข้าฯ จะไม่แพร่งพรายความลับของราชการทหารเป็นอันขาด
นี่เป็นคำสาบานที่ผมได้ให้ไว้กับ “ธงไชยเฉลิมพล” เมื่อ 50 ปีมาแล้วและยึดถือปฏิบัติมาตลอดระยะเวลารับราชการรวมทั้งถึงได้เกษียณอายุราชการออกมาแล้วเป็นเวลา 14 ปี
พรุ่งนี้ “ศาลอาญาชั้นต้น” กำหนดให้เป็นวันที่ “ผู้พิพากษา” จะนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา “จำเลยในคดีกบฏ รวม 39 คนตามที่สาธารณชนและสื่อมวลชนเรียกกันว่า “คดีกบฏ กปปส.” ที่มีท่านกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณเป็น เลขาธิการ กปปส.และประสานงานกับกลุ่มต่างๆ ที่มีจุดประสงค์เดียวกันและไม่มีจุดต่าง” มารวมตัวกลายเป็นมวลมหาประชาชน
ผมเป็นหนึ่งในคณะเสนาธิการร่วม กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ได้ออกมาชุมนุมพร้อมกับมวลชนตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2556 และกองทัพธรรม มาร่วมเป็นทัพกำลังบำรุงในวันที่ 7 สิงหาคม 2556 จนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เกิดรัฐประหารเพราะรัฐบาลรักษาการของระบอบทักษิณไม่ลาออกและคืนอำนาจให้กับประชาชน รวม 10 เดือน ที่ออกมาชุมนุมโค่นระบอบทักษิณเพื่อปฏิรูปประเทศและเป็นกลุ่มแรก
ผมผ่านเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองมากมายหลายเรื่องราวอย่างไม่เคยประสบมาก่อนแต่ด้วยสำนึกในหน้าที่และที่ได้สาบานตนไว้ตามแบบธรรมเนียมทหารว่า “ชาติ พระมหากษัตริย์และประชาชนอยู่เหนือสิ่งใด” จึงออกมากินนอนข้างถนน ผ่าน ฝน ร้อน หนาว เช่นเดียวกับผู้ชุมนุมอื่นๆ เป็นเวลา 10 เดือนโดยไม่หวังอะไรตอบแทน เพียงขอให้ ชาติ ประชาชนและระบอบการเมืองมีความชอบธรรม ปราศจากคนขี้โกง บ่อนทำลายชาติ ศาสนาและราชบัลลังก์
ฝ่ายระบอบทักษิณจึงทำทุกอย่างในการ “ขจัดแกนนำทุกเวที” ด้วยมาตรการต่างๆ ทั้งใช้อำนาจรัฐและกองกำลังติดอาวุธมีคนตายหลายสิบศพแต่ มวลชน “กปปส.ยึดมั่นในหลัก “อหิงสา” อย่างเคร่งครัด และไมคิดที่จะ “ตอบโต้” กลับทั้งฝ่ายอำนาจรัฐในระบอบทักษิณและ “กองกำลังติดอาวุธของระบอบทักษิณ” แม้แต่ครั้งเดียว
และในการชุมนุมแบบเปิดนั้น “ล่อแหลม” ที่จะเกิดการปะทะของ “มวลชนนอกสังกัด” ซึ่งมีหลายครั้งซึ่งป้องกันยากมาก
กปปส. จึงกลายเป็น “ชื่อรวม Collective Names” ของหลายๆ กลุ่ม เช่น กปท./กองทัพธรรม คปท. กองทัพนิรนาม และทั้งหมด คือ กปปส.ที่รวมเป็น 1 โค่นระบอบทักษิณซึ่งมีความเลวร้ายมากมายและ “เจ้าลัทธิก็เป็น “นักโทษหนีคุก” แถมยังทำให้น้องสาวและคนใกล้ชิดอื่นๆ ต้องมาเป็นนักโทษหนีคุกเช่นกัน
เรื่องราวความชั่วร้ายของระบอบทักษิณมีมากมาย “สาธยาย” ได้เป็นหลาย “พันๆ” หน้ากระดาษ A 4 จึงขอละไว้ไม่เขียนแต่หาอ่านได้
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรม DSI และนักโทษถูกจองจำ เพราะคดีหมิ่นประมาท กำนันสุเทพ นายธาริต ได้รับคำสั่งจาก “ผู้มีอิทธิพล” หรือใคร อย่างไรนั้นเราไม่ทราบได้แต่รู้ว่า “เขาเป็นผู้บงการให้ “ลูกน้องเขาดำเนินคดีกับพวกเรา” พรุ่งนี้เราคงจะได้ยิน “ผู้พิพากษา” อธิบายลักษณะการตั้งข้อหา การทำสำนวน การใช้พยานซึ่ง บางกรณีไม่แนบเนียนเลย
อย่างไรก็ดี “ผมคิดว่าจำเลยทั้ง 39 คนคงต้องยอมรับคำตัดสินของผู้พิพากษา” อย่างหน้าชื่นตาบานไม่ว่า “คำตัดสิน” จะเป็นฉันใด!