ชายแดนสระแก้วเงียบเหงาหลังปิดด่าน มีเพียงพ่อค้าแม่ค้ากัมพูชาบางส่วนในตลาดโรงเกลือที่ยังไม่ยอมกลับประเทศ รอดูท่าทีของรัฐบาลทั้งสองประเทศยกสอง ส่วนนักเรียนยังคงสามารถเดินทางข้ามชายแดนได้ตามปกติแต่จำนวนลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 8.00 น.วันที่ 25 มิ.ย.68 บรรยากาศที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประทศ จังหวัดสระแก้ว หลังจากที่กองทัพภาคที่ 1 มีคำสั่งให้กองกำลังบูรพาฯทำการปิดชายแดนไทยกัมพูชา ทางด้านจังหวัดสระแก้วตลอกแนวชายแดน 165 กม. ประกอบด้วยจุดผ่านแดนถาวร3 แห่งจุดผ่อนปรนการค้า 2 จุด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ทำให้วันนี้บรรยากาศทั่วไปเหงียบเหงาเป็นพิเศษในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงเด็กนักเรียนชาวกัมพูชาเดินทางข้ามชายแดนไปเรียนหนังสือเท่านั้น แต่จำนวนลดลงอย่างเห็นได้จัด โดยเฉพาะในตลาดโรงเกลือ ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าลานจอดรถต่างๆไม่มีรถจอดเหมือนที่เคยเป็น การสัญจรตามถนนต่างๆก็สามารถเดินทางได้โดยสะดวกสะบาย
ขณะเดียวกัน”เจ้หมวย” เจ้าของร้านขายแว่นตาในตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประทศ จังหวัดสระแก้ว บอกว่า ตนเองอพยพครอบครัวมาประกอบอาชีพในตลาดโรงเกลือมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว โดยไม่คิดว่าจะกลับไปทำธุรกิจในประเทศกัมพูชาอีก เนื่องจากอยู่ฝั่งประเทศมีอาชีพที่มั่นคงกว่า จึงมีความรักและหวงแหนอาชีพที่ประกอบอยู่ ทุกวันนี้ครอบครัวของตนมีฐานะดีขึ้นลูกหลานได้เรียนหนังสือในระดับสูงๆของประเทศไทยจนมีหน้าที่การงานมั่นคง หลังจากเกิดกรณีประเทศไทยและประเทศกัมพูชามีข้อพิพาทกัน จนทำให้มีการปิดชายแดนส่งผลให้ประชาชนทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก อยากให้รัฐบาลทั้งสองประเทศเจรจาหาทางออกร่วมกันอย่างสันติวิธีโดยเร็ว ประชาชนจะได้กลับมาทำมาหากินฉันบ้านพี่เมืองน้องเหมือนดังเดิมในอดีดที่ผ่านมา
ส่วนทางด้านพ่อค้ากัมพูชาในตลาดโรงเกลือ บอกว่าหลังเกิดเหตุการณ์ปิดชายแดนขึ้น ตนเองก็ไม่ได้เดินทางกลับประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด เพราะทรัพย์สินทุกๆอย่างของครอบครัวตนอยู่ที่ตลาดโรงเกลือหมดแล้ว อีกทั้งตนมาอยู่ตลาดโรงเกลือนานกว่า 20 ปีแล้วจึงไม่อยากกลับประเทศ แต่ใจจริงแล้วไม่อยากกลับเลย ถ้าจะกลับจริงก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไล่ให้กลับจึงจะกลับประเทศกัมพูชาถ้าไม่ไล่ให้กลับก็จะไม่กลับ สำหรับแม่ขายข้าวกล่องชาวกัมพูชาบอกว่าลูกค้าประจำหายหมดเหลือเพียงกลุ่มเด็กนักเรียนกัมพูชาเท่านั้น