ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า อาชีพที่น่าสนใจในช่วงฤดูฝน หรือชาวบ้าน เรียกว่าอาชีพเสี่ยงตาย คืออาชีพเลี้ยงต่อหัวเสือ สร้างรายได้ปีละครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.วังยาง อ.นาแก และ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เนื่องจากมีความชำนาญสืบทอดมาจากภูมิปัญยาชาวบ้าน พอใกล้ถึงฤดูฝน ชาวบ้านเซียนต่อหัวเสือ จะออกไปล่ารัง ต่อ จากการนำแมลง รวมถึงตั๊กแตน และเนื้อสัตว์ ไปล่อตัวต่อหัวเสือ ที่ออกมาหาอาหาร พร้อมติดสัญลักษณ์ เป็นฟางขนาดเล็ก มัดกับอาหาร จากนั้นตัวต่อจะนำอาหารบินไปเข้ารัง เพื่อไปเลี้ยงตัวอ่อน โดยใช้วิธีติดตามไปจนเจอรังต่อหัวเสือ

 

จากนั้นเซียนต่อหัวเสือจะใช้ความชำนาญในเวลากลางคืน ไปอุดรูรังต่อ ที่บินเข้าออก ส่วนใหญ่เป็นรังขนาดเล็ก ประมาณ กำปั้น บางรังขนาดเท่าลูกฟุตบอล เพื่อย้ายนำมาเก็บรักษาเลี้ยงไว้ ตามหัวไร่ปลายนา และที่ปลอดภัย ปล่อยให้โตตามธรรมชาติส่วนใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือน รังต่อหัวเสือจะมีขนาดโตเต็มที่ พอที่จะนำเอาลูก่อน ตัวหนอน ออกมาปรุงอาหาร และนำไปขายสร้างรายได้ ในส่วนของตัวหนอน ดักแด้ ลูกต่อหัวเสือ มีราคากิโลกรัมละ ประมาณ 1,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถขายทั้งรังประมาณ รังละ 2,000 – 3,000 บาท

สำหรับการเก็บรังต่อหัวเสือมาขาย เดิมชาวบ้านใช้วิธีลมควัน ปัจจุบันมีการพัฒนา จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ตัดชุดป้องกันตัวต่อ สวมแล้วเข้าไปล้วงเอารังต่อ เพื่อเอาถาดลูกตัวต่อหัวเสือ ออกมาขาย และเหลือไว้บางส่วน ทำให้ ตัวต่อหัวเสือกลับมาทำรังอีกตครั้ง เป็นการเพิ่มมูลค่า จากปกติ ได้ผลผลิตรอบเดียวเพิ่มเป็น 2 -3 รอบ และยังลดปัญหาการสูญพันธุ์จากการลมควันอีกด้วย

 

ทั้งนี้ ชาวบ้านเซียนต่อยอมรับ เป็นอาชีพเสี่ยงตาย ต้องมีความชำนาญ เพราะพลาดอันตรายถึงชีวิต แต่ถือว่ารายได้ดี ปีละครั้ง บางรายมีความชำนาญ สามารถหารังต่อหัวเสือมาเลี้ยงขาย สร้างรายได้ ปีละ 50,000 – 1 แสนบาท เป็นรายได้เสริมอีกทางนอกจากการทำการเกษตร  เมนูส่วนใหญ่จะนำลูกต่อ ออกมานึ่งแช่แข็งขาย รวมถึงนำไปแกง ห่อหมก คั่ว ทอด แกงอ่อม สามารถนำไปปรุงเมนูเด็ดอีสานได้สารพัดเมนู ยิ่งร้านค้าร้านอาหาร นำเป็นเมนูตามฤดูกาลขายได้ จานละ 200 -300 บาท  แพงแต่คนนิยม ทำให้ขายดี

 

ด้าน นายบัญชา ศรีชาหลวง นายก อบต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า พื้นที่ ต.พิมาน อ.นาแก ถือเป็น อีกหมู่บ้าน ที่ตนและชาวบ้าน ได้นำอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน มาพัฒนาต่อยอด ส่งเสริมการเลี้ยงต่อหัวเสือสร้างรายได้เสริม ในช่วงฤดูฝน และนำผลผลิตลูกต่อส่งขายในช่วงเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม เป็นฤดูกาลที่ต่อให้ผลลิตมากสุด ถือเป็นอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สร้างรายได้ดีเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีราคาตกกิโลกรัมละเกือบ 2,000 บาท ยิ่งปีไหนหายากยิ่งแพง โดยชาวบ้านจะใช้ความชำนาญ ในการล่าตัวหัวเสือตามป่า ทุ่งไร่ทุ่งนาที่ทำรังตามธรรมชาติ ด้วยการนำเหยื่อประเภท เนื้อสัตว์ แมลง ไปล่อ แล้วตามไปหารังต่อ ก่อนเคลื่อนย้ายมารักษา ไว้ตามหัวไร่ปลาย นาในที่ปลอดภัย ใช้เวลาเลี้ยงแบบธรรมชาติ ประมาณ 2-3 เดือน ก่อนเก็บผผลลิตขาย

จากเดิมจะใช้วิธีรมควัน แต่มีการพัฒนาคิดค้นชุดล้วงรังต่อ เพื่อป้องกันต่อสูญพันธุ์ และเก็บผลผลิตได้หลายครั้ง บางรังสามารถเก็บผลผลิตได้ 2 -3  ครั้ง หากลมควัน จะได้เพียงครั้งเดียว บางรายสามารถหารังต่อได้ เยอะ สร้างรายได้ปีละ 50,000 ถึง แสนบาท ต่อปี ส่วนเมนูเด็ดชาวบ้าน จะนำไปปรุงเมนู ก้อยลูกต่อ คั่วต่อหัวเสือ หมกต่อ แกงต่อ ยำลูกต่อ สารพัดเมนู ถือเป็นเมนูเด็ดที่หากินยาก 1 ปีมีครั้งเดียว ทำให้มีราคาแพง

นอกจากนี้ บางรายมีการสั่งซื้อยกรัง เพื่อนำรังที่แม่ต่อทิ้งรังร้าง ไปทำเป็นเครื่องรางของคลัง ตามความเชื่อ ขายได้ราคาสูง ตกรังละ 3,000 – 5,000 บาท ส่วนการดูแลจะต้องมีความชำนาญ และต้องเลี้ยงในที่ปลอดภัย เพราะต่อหัวเสือถือเป็นแมลงที่มีพิษร้ายแรง อันตรายถึงชีวิตหากถูกรุมต่อยจำนวนมาก จึงต้องมีความชำนาญในการเลี้ยงดูแล