กัมพูชา ว้าวุ่น แรงงานเข้าไทยไม่ได้ ออแน่นเต็มหน้าด่านกว่า 500 คน หลังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกคำสั่ง งดเดินทางเข้าออกผ่านแดน ไทย กัมพูชา 2 จุดผ่านแดนถาวร 3 จุดผ่อนปรน ฝั่งจันทบุรี  

เวลา 07.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. 68 ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวร ตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ. จันทบุรี ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามสถาการณ์ หลังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกคำสั่ง งดเดินทางเข้าออกผ่านแดน ไทย - กัมพูชา 2 จุดผ่านแดนถาวร 3 จุดผ่อนปรน  ซึ่งเป็นไปตามมาตรการยกระดับการควบคุมการผ่านแดน 

 

โดยในส่วนของจันทบุรี ได้แก่ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ,จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จันทบุรี, ,จุดผ่อนปรนการค้าบ้านซับตารี ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาวจันทบุรี และ จุดผ่อนปรนการค้าบ้านสวนส้ม ต.สะตอน  อ.สอยดาวจันทบุรี 

 

โดยหนังสือคำสั่งกำหนดให้ออหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรีและหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ควบคุมการสัญจรข้ามแดนของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการตลอดจนแรงงานในพื้นที่ ผ่านจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด
1 . งดการผ่านเข้า - ออก ของยานพาหนะทุกประเกท
2. งดการเดินทางผ่านเข้า - ออก ของประชาชน การค้าขายทุกประเภท นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
3. ตามข้อ 1 และข้อ 2 อนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ตามความเหมาะสม เช่น ด้านการรักษาพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีเร่งด่วน ด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาในพื้นที่ การซื้อขายผักผลไม้ เครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ตามความเหมาะสม และจำเป็น 

ส่วนบรรยากาศบริเวณตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรีตั้งแต่ช่วงเวลา 7:00 น ที่ผ่านมาที่บริเวณ ตม. หน้าด่านฝั่งไทยได้มีกลุ่มเด็กนักเรียนชาวกัมพูชา มานั่งรอเพื่อที่จะเดินทางข้ามแดนกลับไปเรียนในฝั่งประเทศกัมพูชา

ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาทางฝั่งกัมพูชาเข้ามายืนต่อแถว เพื่อรอข้ามแดนเข้ามาเรียนในฝั่งไทยโดยในเวลา 7:00 น ประตูเล็กทั้ง 2 ฝั่งไทยและกัมพูชาได้เปิดให้นักเรียนทั้งสองฝั่งได้เดินข้ามพรมแดน เข้าและออกผ่านด่านตามปกติ ซึ่งไปเป็นตามข้อกำหนดหลักมนุษยธรรมด้านการศึกษา

ส่วนเมื่อเวลา 8:00 น ที่ผ่านมาบริเวณหน้าจุดผ่านแดนฝั่งไทย เจ้าหน้าที่ประจำด่านได้ตั้งแถวร่วมร้องเพลงเคารพธงชาติ หลังเสร็จสิ้นประตูด่านฝั่งไทยไม่มีการเปิดตามเวลาที่กำหนดเนื่องจากเป็นไปตามคำสั่ง ปิดผ่านแดนถาวรตามคำสั่งของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด 

ขณะเดียวกันภายในตลาดบ้านแหลมพบว่ายังมีกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชาที่ทราบข่าวแล้วแต่ยังคงมาเฝ้ารอเพื่อหวังที่จะกลับข้ามเข้าประเทศทั้งๆที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะมีการให้เปิดด่านข้ามพรมแดนหรือไม่ โดย นาย เซง ฮ้ง  แรงงานชาวกัมพูชา บอกว่า ได้พาเพื่อนจากจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นแรงงานโรงงานปลากระป๋องจำนวน 8 คน ขนภาระสิ่งของเครื่องใช้มาที่จุดผ่านแดนตลาดบ้านแหลมเพื่อหวังเดินทางกลับบ้าน หลังจากที่ทราบข่าวการปิดด่านตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาทั้งๆที่รู้ว่ามีการปิดด่านแต่ก็หวังอนาคตที่ริบหรี่ เพื่อขอที่จะกลับบ้านเกิดโดยไม่รู้อนาคตที่แน่นอน โดยจะขอยืนยันปักหลักรอจนกว่าด่านจะเปิดไม่กลับเข้าไปทำงานต่อที่โรงงาน

ส่วนบริเวณการค้าบริเวณภายในตลาดบ้านแหลมเกินกว่าครึ่งปิดทำการหลายแห่งมีเพียง 10 ร้านค้าร้านอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคตลาดสดเปิดให้ค้าขายกันอยู่ แต่พ่อค้าบางรายบอกว่าไม่ได้ผลกระทบมากนักเนื่องจากเป็น ส่วนหนึ่งของอาหารการกินคนในตลาดและบริเวณชายแดนต้องกินต้องใช้ตามปกติอยู่แล้วส่วนที่จะมีผลกระทบก็จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ทางฝั่งบูชาจะต้องซื้อกลับไป ใช้ในประเทศของตนเอง

โดยสถานการณ์ล่าสุดที่บริเวณด่านชาย บ้านแหลมจันทบุรีหลังเวลา 9.00 น.ซึ่งเป็นเวลาเปิดด่านของฝั่งกัมพูชา พบว่าที่บริเวณหน้าด่านช่องโดงของกัมพูชาได้มีการเปิดประตูเล็ก เพื่อให้แรงงานฝั่งกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ โดยทางฝั่งไทย ได้มีการตรวจตราสัมภาระเข้มงวดพร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆโดยเน้นย้ำว่าการเปิดให้แรงงานกัมพูชากลับไปครั้งนี้ เป็นตามไปตามหลักมนุษยธรรม และคำสั่งอนุโลม ซึ่งแรงงานเหล่านี้เมื่อเดินทางกลับไปแล้ว จะไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีกจนกว่าจะมีคำสั่งเปิดด่าน โดยมี นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงษ์ ผู้บัญชาการ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมสังเกตการณ์

ขณะเดียวกันที่บริเวณด่านหน้าด่านช่องโดงพบว่ามีเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายโดยเฉพาะรายงานที่ต้องการเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย ต่างมายืนออกันจนแน่นหน้าด่านจำนวนกว่า 500 คนโดยต่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังข้ามฝั่งมาถึงประเทศไทย โดยคำสั่งให้มีการปิดด่านให้แรงงานตามกัมพูชาเดินทางกลับประเทศในครั้งนี้ เป็นการอนุโลม ชั่วคราว ตามคำสั่งของหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธินจันทบุรีเพื่อให้ไปเป็นตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งหน่วยงานระดับพื้นที่สามารถตัดสินใจเองได้