วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายสินาธร โอเอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นประธานประชุมกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนมีกลุ่มผู้บุกรุกก่อสร้างอาคารที่พักถาวรในเขตบริเวณป่าสนอ่าวบ่อ ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดังนั้นจึงได้เชิญหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อหาข้อสรุปให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ โดยมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้บุกรุกคือขอใช้พื้นที่สาธารณะบริเวณบ้านท่าขามหมู่ 4 ตำบลแม่รำพึงและบริเวณบ้านท่ามะนาวหมู่ 2 ตรงกันข้ามวัดท่ามะนาว ตำบลแม่รำพึง แปลงที่ 3 หลัง อบต.แม่รำพึง ซึ่งได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์จากอ.บ.ต.แม่รำพึงแล้วอยู่ในช่วงดำเนินการ ขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อหาที่อยู่อาศัยกับผู้ที่บุกรุกป่าสนหาดอ่าวบ่อทองหลาง

โดยมีนายวิริยะ แต้มแก้วผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุม พร้อมด้วย นายยุทธพงษ์ เขื่อนเมือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงาน (พื้นที่) สนง.ภาคกลางและตะวันตกได้ร่วมประชุมในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ พอช. และผู้ประสานงานในชุมชน เพื่อเข้าพบปะและพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 บ้านป่าสน ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อรับฟังปัญหาและความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของศาล ซึ่งมีที่มาจากการที่กรมเจ้าท่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนว่า ชาวบ้านรุกล้ำพื้นที่ที่อยู่ในเขตของกรมเจ้าท่า ทำให้ศาลมีคำสั่งให้ชาวบ้านรื้อถอนบ้านเรือนออกจากพื้นที่ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา

จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่ามีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลรวมทั้งสิ้น 35 ครัวเรือน ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่สามารถย้ายออกไปได้ ส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัยใหม่ ไม่มีที่ดินสำหรับปลูกบ้าน และยังขาดทุนทรัพย์ที่จะดำรงชีวิตในที่ใหม่ได้อย่างมั่นคง ปัจจุบันยังคงเหลืออีก 18 ครัวเรือน ที่ยังไม่ได้ดำเนินการรื้อถอนหรือย้ายออก เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น

ทั้งนี้ นายวิริยะ และคณะทำงานจาก พอช.ในวันพรุ่งนี้จะลง ลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และหารือหน่วยงานในพื้นที่หาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือในอนาคต ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย การจัดหาที่ดิน และการสนับสนุนในด้านสวัสดิการต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นจุดที่สำคัญในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ เพื่อหาทางออกอย่างยั่งยืนแก่ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน พร้อมทั้งยืนยันเจตนารมณ์ของ พอช. ในการสนับสนุนสิทธิในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างเป็นธรรม