ตามความเชื่อของคนไทย คนไทยเชื้อสายจีน และคนจีนทีเชื่อว่า การทำบุญบริจาคเงินซื้อโลงศพให้กับผู้ยากไร้ จะเป้นการ สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาเสริมบารมีให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข ให้อายุยืนยาวชั่วลูกชั่วหลาน ตามความเชื่อถือนึ้ในแต่ละวัน โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ตรุษจีน และวันสงกรานต์ จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่างก็เดินทางมาที่ศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ที่เพื่อกราบไหว้บูชาพระพุทธต่างๆ รวมทั้งรูปปั้นองค์พ่อขุนรัตนาวุธยืนถือดาบที่ตั้งประดิษฐ์อยู่บริเวณด้านข้างที่ทำการศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ติดกับจุดบริการประชาชน 4 แยกไฟแดงมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จึงพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ต่างก็จะต้องแวะกราบไหว้ทำบุญสละเงินคนละเล็กละน้อยเพื่อบริจาคโลงศพให้แก่ผู้ยากไร้กันแต่ละคน แต่ละครอบครัว คนเราเกิดมาไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ภาษาใด ย่อมมีจุดยืนในความใฝ่ฝัน ฝันอยากเป็นโน้น อยากเป็นนี่ ฝันอยากโน้น นี่นั่น อยากมีฐานะร่ำรวยถูกหวยรางวัลที่1 ฯลฯ โดยเฉพาะคนไทยทุกสาขาอาขีพ ดังจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้ตามสถานที่วัดวา อารามต่างๆ ทั่วประเทศ จึงคร่ำคร่าไปด้วยพุทธศาสนิกชนที่ใจบุญใจกุศล ต่างก็หลั่งไหลไปเคารพกราบไหว้สิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นตามความเชื่อ ในแต่ละวัน แต่ละ เดือน หรือปี ที่ผ่านมาทุกๆ ปี หากท่านที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี จะเห็นได้ว่า ในทุกๆ วันโดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงวันหยุดเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลปีใหม่ เทศกาลตรุษจีน หรือเทศกาลวันสงกรานต์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่บริเวณหน้ามูลนิธิขุนรัตนาวุธ หรือบริเวณลานจอดรถได้นับร้อยคัน ต่างก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีนต่างเดินทางไปเคารพกราบไหว้องค์พ่อขุนรัตนาวุธ เท่าองค์จริง ซึ่งตั้งประดิษฐ์ฐานอยู่บริเวณด้านข้างของมูลนิธิฯ ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต เลขที่ 6 หมู่ 3 ต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี จึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ทำการเคารพกราบไหว้เพื่อบนบานศาลกล่าวขอโชค ขอลาภ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดราชการ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเทศกาลต่างๆ อาทิเช่น วันขึ้นปีใหม่ วันตรุษจีน วันสงกรานต์ เป็นต้น จึงอยากกล่าวถึงเทศกาลวันตรุษจีนปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 4-5 ซึ่งเป็นวันไหว้ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ในทุกๆ ปี ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน จะมีคนจีน คนไทย และคนไทยเชื้อสายจีนทุกสาขาอาชีพ ต่างก็เดืนทางมาท่องเที่ยวที่ จ.กาญจนบุรี และสิ่งที่บรรดานักท่องเที่ยวคนจีน คนไทย คนไทยเชื้อสายจีนที่จะลืมเสียมิได้ ก็คือต้องแวะทำบุญกราบไหว้องค์สมเด็จพุทธาจารย์โตพรหมรังษี องค์สมเด็จรัตนโกสิน องค์หลวงปู่ทวด องค์หลวงพ่อดำ ท่านท้าวมหาพรหม เจ้าแม่กวนอีม เจ้าพ่อเสือ องค์พระพิฒเนศ และองค์พ่อขุนรัตนาวุธฯลฯ และร่วมทำบุญบริจาคเงินเพื่อซื้อโรงศพให้แก่ศพผู้ยากไร้แล้วแต่กำลังศรัทธา โดยแต่ละขั้นตอนจะมีเจ้าหน้าที่ของศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ เป็นผู้นำสวดอธิฐานทุกขั้นตอน สิ่งที่นักท่องเที่ยวที่มาจะขาดเสียไม่ได้คือการซื้อปะทัดกล่องใหญ่ไปกราบไหว้และจุดบนบานศาลกล่าวให้แก่องค์พ่อขุนรัตนาวุธ ซึ่งในแต่ละวันจะได้ยินเสียงปะทัดดัวกึกก้องไปทั่วบริเวณในทุกๆ วันเสมือนหนึ่งให้เป็นสัญญาณบ่งบอกให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะดวงวิญญาณของพ่อขุนรัตนาวุธที่สถิตย์อยู่บริเวณศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธได้รับรู้ว่า ท่านและครอบครัวได้เดินทางมาสร้างบุญสร้างกุศล ร่วมบริจาคเงินเพื่อซื้อโลงศพมอบให้แก่ผู้ยากไร้ ซึ่งจากการสอบถามผู้คนที่เดินทางมาทำบุญ มักจะได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เดินทางมาทำบุญบริจาคเงินซื้อโลงศพแล้วกลับบ้านไปก็มักจะเจอแต่เรื่องดีๆ ทำมาค้าขึ้น แถมบางรายถูกหวยรวยเบอร์ จนต้อง้ดินทางกลับมาทำบุญอีกเป็นครั้งที่สอง หรือต้องแวะกลับมาทำบุญบริจาคโลงศพอีก หากมีโอกาสได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี เพราะมีความเชื่อว่า ศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ รวมทั้งองค์พระพุทธรูปทุกๆ พระองค์ต่างมีความศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 6 หมู่ตำบลทุ่งทอง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งมูลนิธิขุนรัตนาวุธ รวมทั้งศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ก็เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้องของผู้ประสบภัยสาธารณะทุกประเภท รวมทั้งเป็นผู้ช่วยเหลือเก็บศพผู้เสียชีวิตจากอุบัติภัยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน สนับสนุนกิจกรรมของหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เพื่อป้องกันอุบัติภัย. องค์รูปปั้นพ่อขุนรัตนาวุธ ตั้งอยู่ที่บริเวณ 4 แยกมิราเคิล ออฟไลฟ์ (แยกขุนรัตนาวุธเดิม) ก่อสร้างมาประมาณกว่า 20 ปีแล้ว เรียกได้ว่า เป็นสิ่งที่เคารพนับถือบูชากราบไหว้ของประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาศาลเจ่าพ่อขุนรัตนาวุธ เพื่อบริจาคโลงศพ จะมาไหว้แสดงความเคารพอยู่เป็นประจำ วีรกรรมของพ่อขุนรัตนาวุธ ในการศึกทุ่งลาดหญ้า พ.ศ.๒๓๒๘ กองทหารดาบทะลวงฟัน นำโดยขุนรัตนาวุธ ได้เข้าต่อสู้แบบประชิดตัวกับทหารพม่า ขุนรัตนาวุธผู้นำหน่วยรบที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว พลาดท่าเสียที ถูกทหารพม่ารุมฟันจนแขนขวาขาด เลือดไหลนอง ถึงแม้ว่าขุนรัตนาวุธจะบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่มีจิตใจห่วงใยประเทศชาติ ถึงกับใช้นิ้วชี้ของมือซ้ายจุ่มลงที่เลือดของแขนขวาตรงที่ขาดและเขียนลงบนผ้าปูเตียงนอนว่า”จงรักษาทุ่งลาดหญ้าไว้ด้วยเลือด และชีวิต” ขุนรัตนาวุธได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ สมควรเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลัง ปัจจุบันจึงมีประชาชนเดินทางมากราบไหว้สักการะ บนบานศาลกล่าว ขอให้เกิดความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา และเมื่อสำเร็จ คนเหล่านั้นจะนำมีดดาบ ดอกไม้ ผ้าแดง ๓ หลา รูปปั้นไก่ชนรวมทั้งปะทัดมาจุดแก้บนเป็นประจำ ประวัติ(โดยย่อ)มูลนิธิขุนรัตนาวุธ ได้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นจาก โครงการอบรมอาสาสมัครกู้ภัยบนทางหลวงกาญจนบุรี เมื่อวัน 8 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2535 โดยคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพรชบุรี ซึ่งมีพันตำรวจโท สมยศ พรหมนิ่ม ขณะดำรงตำแหน่ง สารวัตรตำรวจทางหลวงเพชรบุรี เป็นผู้เปิดการอบรม โดยมีประชาชนเข้าร่วมอบรม จำนวน 400 คน โดยมีภารกิจหลักเป็นกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี ประจำหน่วยสอบสวนท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี และช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์บนทางหลวง ต่อมาได้ไปขอพื้นที่ของศาลเจ้าเซียนซื่อเป็นสถานที่จอดรถยนต์และสำนักงานชั่วคราว หลังจากนั้นญาติพี่น้องของศาลเจ้าไม่อนุญาตให้ใช่พื้นที่ต่อ จึงได้ย้ายไปอยู่ที่โรงเจบ้วนเซียงตั๋ว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาโรงเจมีความต้องการใช้สถานที่จึงต้องหาที่อยู่ใหม่ จึงได้มีการประสานไปยังศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ซึ่งมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ ประกอบกับศาลเจ้ามีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน จึงได้รั บอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในการปฏิบัติงานได้โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายใด หลังจากนั้นคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธได้ชักชวนให้เปลี่ยนชื่อจาก อาสาสมัครกู้ภัยบนทางหลวง มาเป็น “ มูลนิธิขุนรัตนาวุธ ” เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และมีวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องร่วมกัน ศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธได้ให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานของมูลนิธิขุนรัตนาวุธมาโดยตลอดตั้งแต่เปลี่ยนชื่อเป็น “ มูลนิธิขุนรัตนาวุธ" จังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาโรงเจมีความต้องการใช้สถานที่จึงต้องหาที่อยู่ใหม่ จึงได้มีการประสานไปยังศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ซึ่งมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ ประกอบกับศาลเจ้ามีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน จึงได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในการปฏิบัติงานได้โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายใด ต่อมา ในปี พ.ศ. 2538 นายสุชน ทิวากร จึงได้ดำเนินการขออนุญาตจัดตั้ง “มูลนิธิขุนรัตนาวุธ" ต่อคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ตามใบอนุญาตจัดตั้งสมาคมหรือองค์การ เลขอนุญาตที่ ต. ๔๐๗/๒๕๓๘ อนุญาต ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2538 และได้ดำเนินการก่อตั้งมูลนิธิขุนรัตนาวุธขึ้นเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2538 โดยมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ เช่น ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บฉุกเฉิน และ ผู้ประสบอุบัตเหตุ บริการรับส่งผู้ป่วย ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอุทกภัย วาตภัย เก็บศพผู้เสียชีวิตต่างๆ ตลอดจนงานบริการสังคมในด้านต่างๆ ด้วยความเต็มใจ เส้นทางที่จะเดินทางมาเคารพกราบไหว้สักการะ บริจาคโลงศพช่วยเหลือผู้ยากไร้ ตั้งหลักมุ่งหน้าจากกรุงเทพมหานครฯ มาตามถนนเส้น 323 หรือถนนแสงชูโตจาก อ.ท่ามะกา มาถึง อ.ท่าม่วงฯถึง 4 แยกไฟแดงมิราเคิล สังเกตุด้านขวามือคือ ที่ทำการของศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนฝั่งขาออกจาก อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ไม่เขื่ออย่าลบหลู่สิ่งที่เรามองไม่เห็น โดยเฉพาะเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ที่พิสูจน์ได้ที่ศาลเจ้าพ่อขุนรัตนาวุธ ที่จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยในแต่ละวันผู้คนล้นหลาม เสียงปะทัดดังกึกก้องตลอดทั้งวันทั้งคืน ย่อมเป็นบทพิสูจน์ความเชื่อของคนไทย คนไทยเชื้อสายจีนในทุกเทศกาลโดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึง