สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางได้ปะทุขึ้นอีกครั้งในรูปแบบที่โลกจับตามองอย่างกังวล เมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าแทรกแซงโดยตรงในสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านด้วยการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่งผลให้การสู้รบทวีความรุนแรง จนรัฐสภาอิหร่านขู่ว่าจะปิด “ช่องแคบฮอร์มุซ” เส้นทางเดินเรือน้ำมันที่สำคัญที่สุดของโลก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกมุมโลก ทั้งด้านพลังงาน เศรษฐกิจ และความมั่นคง

ประเทศไทยในฐานะประเทศพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันอย่างสูง จะเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน ทั้งในด้านต้นทุนเชื้อเพลิง เงินเฟ้อ ความมั่นคงด้านพลังงาน และเสถียรภาพเศรษฐกิจในภาพรวม

จุดเปลี่ยนที่โลกหวาดหวั่น

21 มิถุนายน 2568 กลายเป็นวันสำคัญที่จุดชนวนการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง เมื่อสหรัฐฯ ตัดสินใจโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง เพื่อตอบโต้การโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอล ถือเป็นการแทรกแซงโดยตรงครั้งสำคัญที่สุดในรอบหลายสิบปี ส่งสัญญาณว่า “แนวร่วมสหรัฐ-อิสราเอล” ได้ยกระดับปฏิบัติการจากการหนุนหลัง เป็นการลงมืออย่างเปิดเผย

การตอบโต้ของอิหร่านไม่ได้ล่าช้า ขีปนาวุธถูกยิงถล่มกรุงเทลอาวีฟและไฮฟา ขณะเดียวกัน รัฐสภาอิหร่านได้พิจารณามาตรการที่อาจเปลี่ยนสมดุลเศรษฐกิจโลกโดยสิ้นเชิง: การปิดช่องแคบฮอร์มุซ

ช่องแคบฮอร์มุซ: เส้นเลือดใหญ่พลังงานโลก

ช่องแคบฮอร์มุซเป็นทางเดินเรือยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รองรับการขนส่งน้ำมันดิบกว่า 20-30% ของปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลก โดยเฉพาะน้ำมันจากซาอุดีอาระเบีย คูเวต อิรัก อิหร่าน และกาตาร์ที่ต้องผ่านช่องแคบนี้ไปยังตลาดโลก

หากมีการปิดช่องแคบจริง ราคาน้ำมันอาจทะยานขึ้นเหนือ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะเวลาอันสั้น สร้างแรงกระเพื่อมต่ออุตสาหกรรม โลจิสติกส์ การเดินทาง และต้นทุนชีวิตของผู้คนทั่วโลกอย่างรุนแรง

ผลกระทบต่อประเทศไทย: พายุเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง

1 ราคาน้ำมันและต้นทุนพลังงานพุ่งสูง

ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบกว่า 90% ของความต้องการในประเทศ ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจะกระทบต่อราคาขายปลีกโดยตรง ทั้งเบนซิน ดีเซล และ LPG ทำให้ ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้นทันที โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างเกษตรกร คนขับรถบรรทุก แม่ค้าหาบเร่ และผู้มีรายได้น้อย

2 เงินเฟ้อและดอกเบี้ย: สองแรงบีบเศรษฐกิจไทย      

ราคาน้ำมันที่พุ่งกระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจถูกกดดันให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อตรึงเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจและประชาชนเพิ่มขึ้นอีกระลอก

3 การค้าและโลจิสติกส์ชะลอตัว

หากช่องแคบฮอร์มุซถูกรบกวน การขนส่งพลังงานทางทะเลอาจล่าช้า หรือมีต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเบี่ยงเส้นทางเดินเรือ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิตของไทย โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น ปิโตรเคมี และโลจิสติกส์

4 ค่าเงินบาทอ่อนและเงินทุนไหลออก

หากความขัดแย้งยืดเยื้อ ตลาดทุนทั่วโลกอาจเกิดความตื่นตระหนก นักลงทุนจะโยกย้ายเงินไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐและทองคำ ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าในระยะสั้น และอาจเกิดภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย

ทางรอดของไทย: รับมือให้ทันก่อนวิกฤตลาม

เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตนี้บานปลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ รัฐบาลไทยควรดำเนินนโยบายเชิงรุกในหลายมิติ ดังนี้:

1 เสริมคลังน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์

รัฐบาลควรเร่งสะสมปริมาณน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์ให้มากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด เพื่อรองรับสถานการณ์ขาดแคลนระยะสั้นอย่างน้อย 60-90 วัน รวมถึงควรพิจารณาทำสัญญาซื้อน้ำมันล่วงหน้ากับประเทศที่ไม่มีความเสี่ยงผ่านช่องแคบฮอร์มุซ เช่น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย

2 พิจารณาตรึงราคาน้ำมันระยะสั้นอย่างมีเป้าหมาย

การใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อพยุงราคาดีเซลและ LPG สำหรับภาคขนส่งและครัวเรือนที่มีรายได้น้อยในช่วงวิกฤต อาจเป็นมาตรการที่จำเป็นในระยะสั้น เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าครองชีพ

3 เร่งพัฒนาและใช้นโยบายพลังงานทางเลือก

ส่งเสริม รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างจริงจัง

ส่งเสริม เชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น B20, E20 และไบโอดีเซล

ส่งเสริม พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ พลังงานลม และชีวมวล

4 เสริมภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลัง

รัฐบาลควรเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่พร้อมใช้งานได้ทันที หากราคาพลังงานสูงต่อเนื่อง เช่น มาตรการชดเชยค่าครองชีพ ลดภาษีน้ำมันบางประเภท และสนับสนุนเงินช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม

5 ความร่วมมือระหว่างประเทศ

ไทยควรใช้เวทีอาเซียนและ G77 เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลกหาทางคลี่คลายความขัดแย้งโดยสันติวิธี พร้อมร่วมมือกับจีนและญี่ปุ่นในการประสานเสียงไม่สนับสนุนการปิดช่องแคบฮอร์มุซ

วิกฤตน้ำมันนี้...อาจใหญ่กว่าแค่สงคราม

ขณะที่เสียงปืนและขีปนาวุธดังก้องในตะวันออกกลาง โลกทั้งใบต้องเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจลุกลามไกลกว่าที่คิด ความไม่แน่นอนของช่องแคบฮอร์มุซไม่ใช่เพียงเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ แต่คือ เดิมพันของเศรษฐกิจและความมั่นคงพลังงานทั่วโลก

ไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน ควรเร่งประเมินความเสี่ยง วางแผนรับมือ และสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว เพื่อไม่ให้ผลกระทบจากวิกฤตต่างแดน กลายเป็น พายุเศรษฐกิจที่โหมกระหน่ำใส่คนไทย

 

 #สงครามตะวันออกกลาง #อิหร่านอิสราเอล #ช่องแคบฮอร์มุซ #น้ำมันแพง #วิกฤตเศรษฐกิจ #ประเทศไทยรับมืออย่างไร #พลังงานทางเลือก #ข่าวเศรษฐกิจ #นโยบายพลังงานไทย #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจไทย #ราคาน้ำมัน