วันที่ 23 มิ.ย.68 ที่ศาลาว่าการ กทม. รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงนโยบายให้ข้าราชการแสดงความเป็นตัวของตัวเอง หรือการเปิดโอกาสให้ข้าราชการแต่งกายตามเพศสภาพและอัตลักษณ์อย่างหลากหลายของตนเองอย่างอิสระว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศให้ข้าราชการปฏิบัติตนตามเพศวิถีและเพศสภาพที่มีอยู่ได้ ภายใต้วินัยที่ดีและความซื่อสัตย์ในการปฎิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนของข้าราชการ รวมถึง เรื่อง Sexual Harassment หรือการล่วงละเมิดทางเพศ ต้องปกป้องไม่ให้เกิดภาวะอึดอัดหรือรังแกกัน ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมาจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่กดดัน บังคับ หรือมาจากเพศสภาพ เพศวิถี ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น
นิพิฐพนธ์ จิรเมธาธร นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ สำนักงานเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องการแต่งกายเป็นเรื่องสำคัญ ตื่นเช้ามาก็อยากแต่งกายให้ดูดี ดูสวย เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้มีแรงบันดาลใจในการทำงานในทุก ๆ วัน นโยบายดังกล่าว ทำให้รู้สึกว่าเป็นการสร้างความเท่าเทียมขึ้นมาจริง ๆ เราอยากแต่งตัวสวย ๆ ทำให้เรามีความสุขในการทำงาน
ด้าน กันตพัฒน์ สุวรรณเรือง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนวัดปทุมวนาราม ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เขตปทุมวัน กล่าวว่า นโยบายดังกล่าว ทำให้การทำงานของตนมีคุณภาพมากขึ้น มีการจัดการเรียนการสอนเหมาะสมมากขึ้น หลังจากมีนโยบายดังกล่าว รู้สึกดีใจที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง กทม.เป็นหน่วยงานแรกที่ประกาศนโยบายนี้ ขณะเดียวกัน ก็แอบกังวลว่า ผู้บริหารและเพื่อนครูจะเปิดรับมากน้อยแค่ไหน แต่ปัจจุบันพบว่าทุกคนเปิดใจและยอมรับมากขึ้น การเป็นตัวเองสำหรับตนหมายถึงการได้คิด ได้ทำ ได้ออกแบบการทำงานอย่างอิสระ เช่น การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่ถูกต้อง เหมาะสม เชื่อว่าเมื่อทุกคนได้เป็นตัวของตัวเอง คุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานจะดีขึ้นมาก และเชื่อว่าเพื่อน ๆ ในที่ทำงานจะเปิดรับและมีความสุขไปพร้อมกัน
สำหรับแนวทางสนับสนุนความหลากหลายทางเพศของ กทม. ประกอบด้วย 1.ข้าราชการและบุคลากรของ กทม.สามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ 2.ให้บริการคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย (BKK Pride Clinic) 31 แห่ง ในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข 20 แห่ง เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย และส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม 3.จัดเทศกาล Pride Month เดือนมิถุนายน เดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ตั้งเป้าเป็นเทศกาลระดับโลก (World Pride) 4.โรงเรียนสังกัด กทม.ปลูกฝังค่านิยมด้านความเท่าเทียมและความหลากหลาย 5.เปิดพื้นที่สาธารณะสำหรับจัดกิจกรรมด้านความหลากหลายทางเพศ เพื่อส่งเสริมสิทธิ หน้าที่และโอกาสทางสังคมของกลุ่ม LGBTQIA+